อยากรวยแต่งบน้อย มีเงิน 100 บาทลงทุนอะไรดี? “ตลาดหลักทรัพย์” แนะแนวทาง 3 ทางเลือกที่นี่!
อยากเริ่มต้นลงทุน แต่มีเงินเก็บน้อย จะลงทุนได้มั้ย? บอกเลยว่าทำได้แน่นอน เพราะทุกวันนี้มีทางเลือกลงทุนมากมายที่มีเงินเพียง 100 บาทก็ลงทุนได้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีคำตอบที่นี่!
ทางเลือกที่ 1 : กองทุนรวม
กองทุนรวมเกิดจากการรวบรวมเงินของผู้ลงทุนเพื่อนำมาลงทุนตามนโยบายที่แต่ละกองทุนกำหนดไว้ มีจุดเด่นตรงที่มีเงินน้อยก็ลงทุนได้ แถมยังมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งกองที่ลงทุนในตราสารหนี้ หุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ รวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ ทองคำ และสินทรัพย์อื่นๆ
จุดเด่น
- มีมืออาชีพเป็นผู้ดูแลบริหารจัดการลงทุนให้
- มีนโยบายลงทุนหลากหลายให้เลือก
- ใช้เงินลงทุนน้อย และเป็นตัวช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี
- มีกองทุนประเภทที่มีความเสี่ยงต่ำให้เลือกลงทุนได้ เช่น กองทุนตลาดเงิน
เหมาะกับใคร?
- ผู้ลงทุนมือใหม่ : เนื่องจากเงินน้อยก็ลงทุนได้ มีมืออาชีพคอยบริหารจัดการเงินลงทุนให้
- ผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง : เนื่องจากในแต่ละกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในหลายสินทรัพย์ทำให้กระจายความเสี่ยงได้ดี นอกจากนั้น หากผู้ลงทุนต้องการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนไปในหลายๆ ประเภทสินทรัพย์ก็สามารถทำได้โดยกระจายเงินไปลงทุนยังหลายๆ กองทุน
ทางเลือกที่ 2 : ETF
ETF (Exchange Traded Fund) คือ กองทุนรวมที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซื้อขายได้เหมือนหุ้นตัวหนึ่ง มีนโยบายสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีหรือราคาสินทรัพย์ที่กองทุนใช้อ้างอิง (Passive Fund) โดยดัชนีหรือสินทรัพย์อ้างอิงของ ETF ที่มีให้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทยในปัจจุบันก็มีหลากหลาย เช่น ดัชนีราคาหุ้นไทย ดัชนีราคาหุ้นไทยที่ให้เงินปันผลสูง ดัชนีหมวดธุรกิจธนาคาร ดัชนีหมวดธุรกิจพลังงานฯ ดัชนีราคาหุ้นต่างประเทศ ราคาทองคำ เป็นต้น
จุดเด่น : เป็นการนำเอาจุดเด่นของหุ้นและกองทุนรวมดัชนีมารวมไว้ด้วยกัน
- ซื้อขายได้แบบ Real-Time รู้ราคาซื้อขายได้ทันทีเหมือนการซื้อขายหุ้น
- มีสภาพคล่องสูงและสามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว
- ใช้เงินลงทุนน้อย และเป็นตัวช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี
- มีมืออาชีพเป็นผู้ดูแลบริหารจัดการลงทุนให้
- ค่าธรรมเนียมบริหารจัดการกองทุน “ต่ำ” กว่ากองทุนรวมส่วนใหญ่
เหมาะกับใคร?
- ผู้ลงทุนมือใหม่ : เพราะไม่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ กระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้ดี แถมยังมีมืออาชีพบริหารจัดการลงทุนให้อีกด้วย
- ผู้ที่ชอบการลงทุนสไตล์ Passive : ETF ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็น ETF แบบ Passive คือมีนโยบายลงทุนเชิงรับ บริหารกองทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่อ้างอิง ซึ่งตรงกันข้ามกับกองทุนแบบ Active ที่มีนโยบายลงทุนเชิงรุก คาดหวังผลตอบแทนมากกว่าสินทรัพย์อ้างอิง ดังนั้น สำหรับคนที่ไม่เชื่อว่าผู้จัดการกองทุนจะสามารถเอาชนะตลาดได้ การลงทุนใน ETF ในตลาดหลักทรัพย์จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ โดยข้อดีของกองทุนแบบ Passive คือมีค่าธรรมเนียมบริหารจัดการต่ำกว่ากองทุนแบบ Active
ทางเลือกที่ 3 : DRx
DRx (Fractional Depositary Receipt) คือ ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่สามารถซื้อขายเป็นเศษย่อยๆ ได้ ที่ทำให้เราสามารถลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ง่ายๆ ผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทย หากอยากลงทุนในบริษัทระดับโลกอย่าง Apple หรือ Tesla ก็เพียงแค่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับโบรกเกอร์ในไทย และแจ้งโบรกเกอร์ว่าต้องการซื้อขาย DRx ด้วย เพียงเท่านี้ก็สามารถเข้ามาลงทุนซื้อขาย DRx ได้แล้ว โดยสิ่งที่ผู้ลงทุนจะได้รับจะไม่แตกต่างจากการลงทุนหุ้นนั้นในตลาดต่างประเทศเลย เพราะจะได้รับเงินปันผลและสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่นเดียวกัน
จุดเด่น
- ลงทุนได้ง่ายๆ ผ่านแอป Streaming เหมือนที่ใช้ซื้อขายหุ้น
- จะลงทุนกี่บาทก็ได้ เงิน 100 บาท ลงทุนได้แน่นอน
- สามารถลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ง่ายๆ
เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ : การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ผ่าน DRx สะดวกกว่ามากเมื่อเทียบกับการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศเพื่อไปซื้อหุ้นในตลาดต่างประเทศโดยตรง
- ผู้ที่มีเงินลงทุนไม่มาก : น้องๆ ที่อยากเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยๆ ก่อน ก็สามารถลงทุนใน DRx ได้ โดย DRx ที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดตอนนี้มีราคาไม่ถึงหน่วยละ 10 บาท หากต้องการลงทุน DRx 1 หน่วย นั่นหมายความว่ามีเงินเพียง 10 บาท ก็สามารถลงทุนใน DRx ซึ่งก็คือการลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้แล้ว
จบไปแล้วกับ 3 ทางเลือกการลงทุนที่แม้แต่เด็กมหาลัยงบน้อย ๆ ก็สามารถลงทุนได้ หากใครที่ยังไม่ค่อยมั่นใจและความเสี่ยง อาจเริ่มต้นจากกองทุนรวมประเภทที่มีความต่ำก่อนก็ได้ อย่างเช่นกองทุนรวมตลาดเงิน
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์ห่งประเทศไทย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ส่องโอกาสลงทุนครึ่งปีหลัง! ตราสารหนี้-หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐ-หุ้นญี่ปุ่น-เวียดนามโดดเด่น
- เปิด 13 หุ้นเด่น น่าลงทุนสุดในช่วงครึ่งปีหลัง
- ปมปัญหาหุ้น ‘STARK’ ที่นักลงทุนต้องรู้!!
