ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (8 ก.พ.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงลง 207.68 จุด หลังเจ้าหน้าที่ “ธนาคารกลางสหรัฐ” แสดงท่าทีสนับสนุน ให้เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 33,949.01 จุด ลดลง 207.68 จุด หรือ -0.61% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,117.86 จุด ลดลง 46.14 จุด หรือ -1.11% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 11,910.52 จุด ลดลง 203.27 จุด หรือ -1.68%
นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในงานเสวนา ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐอาคันซอส์ว่า ภารกิจของเฟดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่จบ ทำให้เฟดจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อไป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง
เช่นเดียวกับนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ที่บอกว่า เฟดต้องตรึงดอกเบี้ยไว้ในระดับคุมเข้ม (Restrictive Level) ต่อไปอีกประมาณ 2-3 ปี เพื่อให้มั่นใจว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหัฐ จะปรับตัวลงมาอยู่ในระดับต่ำ เท่ากับในช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ดัชนีหุ้นร่วงลง เนื่องจากความเห็นของทั้ง 2 คน บั่นทอนความหวังของนักลงทุนที่ว่า เฟดจะผ่อนคันเร่งขึ้นดอกเบี้ย หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณในเวทีการเสวนาของสมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตันว่า เงินเฟ้อในสหรัฐกำลังชะลอตัวลง และปีนี้จะเป็นปีที่เงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า เฟดจะยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยข้อมูลจาก รีฟินิทิฟ ไอบีอีเอส ระบุว่า รายได้ของบริษัทมากกว่าครึ่งในดัชนีเอสแอนด์พี 500 มีแนวโน้มลดลงในไตรมาส 4/2565 เมื่อเทียบเป็นรายปี
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไอเอ็มเอฟ’ ประเมินเศรษฐกิจโลกปี 66 ขยายตัว 2.9% คงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยโต 3.7%
- คาดเลือกตั้งดันเศรษฐกิจไตรมาส 2 โต 1-1.5% เงินสะพัด 5 หมื่นล้าน!
- ยูเอ็น คาด เศรษฐกิจโลกปี 66 โตแค่ 1.9% ‘สงครามยูเครน-เงินเฟ้อ’ สาเหตุหลักสกัดการขยายตัว