Finance

เคาะ 2.35 แสนล้าน งบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2568

ครม.เคาะ 2.35 แสนล้าน งบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2568 เร่งส่งเสริมการป้องกันโรค ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว ลดความเสี่ยงทางการเงิน

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 9 เมษายน 2567 ครม.มีมติอนุมัติความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้

กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

รายละเอียดงบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2568

  1. อนุมัติงบประมาณสำหรับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ภายในวงเงิน 235,842,800,900 บาท ประกอบด้วย

1.1. ค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว สำหรับประชาชนผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งขาติ จำนวน 47,157,000 คน วงเงิน 181,297,444,400 บาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 15,772,291,400 บาท คิดเป็น 9.53% คิดเป็นอัตราเหมาจ่ายรายหัว 3,844.55 บาทต่อผู้มีสิทธิซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายของหน่วยบริการในส่วนเงินเดือนค่าตอบแทนบุคลากร

1.2 ค่าบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ประกอบด้วย ค่าบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ วงเงิน 3,519,721,000 บาท และค่าบริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี วงเงิน 689,724,500 บาท รวงวงเงิน 4,209,445,500 บาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 192,349,800 บาท หรือคิดเป็น 4.79%

1.3 ค่าบริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง วงเงิน 13,506,166,200 บาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 698,867,600 บาท หรือคิดเป็น 5.46%

1.4 ค่าบริการควบคุม ป้องกันและรักษาโรคเรื้อรัง (ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชน และผู้ป่วยโรคหอบหืด) ประกอบด้วย 3 รายการ ได้แก่ งบบริการควบคุมป้องกันและรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง วงเงิน 1,169,228,400 บาท งบบริการผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชน วงเงิน 78,642,000 บาท และงบบริการเพื่อลดการนอนในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรคหือ (Asthma) วงเงิน 51,053,900 บาท รวมวงเงิน 1,298,924,300 บาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 101,308,600 บาท หรือคิดเป็น 8.46%

1.5 ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร พื้นที่เสี่ยงภัย และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ วงเงิน 1,490,288,000 บาท

1.6 ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับการบริการระดับปฐมภูมิ ประกอบด้วย

(1) บริการด้วยทีมแพทย์ประจำครอบครัว วงเงิน 236,509,300 บาท (2) บริการที่ร้านยา วงเงิน 249,320,700 บาท (3) บริการตรวจทางห้องปฏิบัติการนอกโรงพยาบาล วงเงิน 695,990,900 บาท (4) บริการสาธารณสุขระบบทางไกล วงเงิน 851,210,000 บาท (5) บริการด้านยาและเวชภัณฑ์สำหรับการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ไปยังผู้ป่วยที่บ้าน วงเงิน 32,945,500 บาท (6) บริการทันตกรรมเคลื่อนที่ วงเงิน 40,512,000 บาท และ (7) ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับหน่วยบริการร่วมให้บริการด้านการพยาบาล วงเงิน 73,739,600 บาท รวมวงเงิน 2,180,228,000 บาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 117,440,100 บาท หรือคิดเป็น 5.69%

กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

1.7 ค่าบริการสาธารณสุขร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วย

1.7.1) ค่าบริการสาธารณสุขร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วงเงิน 2,522,207,000 บาท ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 28,394,000 บาท หรือคิดเป็น 1.11%

1.7.2) ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน วงเงิน 2,900,246,000 บาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 139,692,000 บาท หรือคิดเป็น 5.06%

1.7.3) ค่าบริการสาธารณสุขร่วมกับกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด วงเงิน 530,968,000 บาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 256,000 บาท หรือคิดเป็น 0.05%

1.8 เงินช่วยเหลือเบื้องต้นผู้รับบริการและผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายจากการให้บริการ วงเงิน 522,923,000 บาท ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 119,885,300 บาท หรือคิดเป็น 18.65%

1.9 ค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค สำหรับการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรครายบุคคลและครอบครัว สำหรับคนไทยทุกคนทุกสิทธิ จำนวน 66,371,000 คน วงเงิน 25,383,960,500 บาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 1,339,915,100 บาท หรือคิดเป็น 5.57% ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายของหน่วยบริการในส่วนเงินเดือนค่าตอบแทนบุคลากร

  1. สำหรับงบประมาณบริหารงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ วงเงิน 2,238,836,200 บาท นั้นเห็นสมควรที่คณะรัฐมนตรีจะมอบให้หมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ตามความจำเป็น เหมาะสม ประหยัดและสอดคล้องกับภารกิจการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
  2. มอบหมายให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ดำเนินการและบริการจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิถาพ ในด้านการบริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี บริการสาธารณสุขร่วมกันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บริการสาธารณสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน บริการสาธารณสุขร่วมกับกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด และบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค สำหรับการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรครายบุคคลและครอบครัว มาตรา 18 (14) แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 และควบคุมดูแลสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นไปตามการมอบหมายดังกล่าวด้วย

กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

เร่งส่งเสริมการป้องกันโรค ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว ลดความเสี่ยงทางการเงิน

อนึ่ง เนื่องจากปริมาณการใช้บริการและอัตราค่าใช้จ่ายในการบริการแก่ผู้ป่วย ของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว อีกทั้งค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับคนไทยทุกคนทุกสิทธิ ที่มีสัดส่วนคิดเป็น 10.76% ของงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อย

ดังนั้น  เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณแผ่นดินมากเกินไป จึงเห็นสมควรที่กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งดำเนินการ และให้ความสำคัญในด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคแก่ประชาชนทั่วไปโดยเร่งด่วน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการให้บริการแก่ผู้ป่วยในระยะยาว รวมถึงการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน

และพิจารณาให้ความสำคัญกับความพร้อมและศักยภาพของผู้ให้บริการสาธารณสุข จัดให้มีบริการที่มีคุณภาพแก่ประชาชน และมีการติดตามประเมินผลตามตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงผลลัพธ์การให้บริการสาธารณสุข เพื่อให้มีความคุ้มค่าจากการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนภายในประเทศ รวมถึงเพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้กับประชาชนในท้องถิ่น

และเห็นควรที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะพิจารณาให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานและบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นโดยเร่งด่วน

พร้อมทั้งให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติบริหารจัดการและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณค่ารักษาพยาบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 หากมีงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินงานหรือมีรายได้สูงกว่ารายจ่ายสะสม ก็เห็นสมควรให้นำเงินดังกล่าวของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาสมทบกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นลำดับแรก

กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

ทั้งนี้ ขอให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามนัยมาตรา 9 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุข ตลอดจนปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องและมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

อ่านข่าวพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo