Stock - Finance

แรงขับเคลื่อนการเติบโตของ ‘ช.การช่าง’ ในปี 2567

แรงขับเคลื่อนการเติบโตของ ช.การช่าง ในปี 2567 บล. เคจีไอ ประเมินว่าปีนี้ จะมีปัจจัยหนุนหลักๆ การลุ้นได้งาน การลงทุนสาธารณะของภาครัฐ ที่กําลังจะเกิดขึ้นจากรัฐบาล

ในปี 2567 เชื่อว่าหุ้นรับเหมาก่อสร้างอย่าง CK หรือ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) น่ากลับมาอยู่ในเรดาร์ความสนใจของนักลงทุน และคงเป็นหนึ่งใน Watchlist ที่นักวิเคราะห์หลายสำนักให้การจับตามอง

ด้วยปัจจัยหนุนหลายประเด็น อาทิ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสปรับลดลง การลุ้นงานประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ รวมไปถึงแนวโน้มธุรกิจของบริษัทลูกอย่างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ และธุรกิจบริหารจัดการน้ำ  คาดว่าจะกลับมาเติบโตโดดเด่น

จะเห็นว่าราคาหุ้น CK ก็ได้สะท้อนปัจจัยบวกไปในระดับหนึ่งแล้ว โดยความเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้นปี Year to Date ปรับเพิ่มขึ้น 13.27% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ปรับเพิ่มขึ้น 26.46% ถือว่าผ่านพ้นช่วง Bearish ตั้งแต่ปลายปี 2562 ถึงต้นปี 2565 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ช.การช่าง

สรุปประเด็นสําคัญของ CK ในปี 2566

โดยภาพรวมกําไรสุทธิปี 2566 ของ CK เท่ากับ 1,500.98 ล้านบาท พุ่งขึ้นกว่า 36% เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อนที่ทำได้ 1,104.61 ล้านบาท จากรายได้รวม 37,907.04 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 4.21%

ความน่าสนใจของผลประกอบการนั้นอยู่ที่รายได้ที่สูงขึ้นเท่าตัว และการควบคุมรายจ่ายด้านบริหารได้ดีอยู่ราว 2,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการเงินพุ่งขึ้น 30% จากปีก่อน ท่ามกลางรอบดอกเบี้ยขาขึ้น

เมื่อมองแง่ดี CK นั้นมี Backlog เพิ่มสูงที่ 128,500 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 หลังจากบริษัทได้เซ็นสัญญางานมูลค่าสูง 100,000 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 3/2566 เพื่อพัฒนาโครงการเขื่อนหลวงพระบางในประเทศลาว

ลมหนุน CK ในปี 2567

ล่าสุด บล. เคจีไอ ได้กลับมาศึกษาหุ้น CK อีกครั้ง โดยประเมินว่าในปี 2567 จะมีปัจจัยหนุนหลักๆ คือการลุ้นได้งานจากการลงทุนสาธารณะของภาครัฐ ที่กําลังจะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งจะเร่งเดินหน้าสรุปงบประมาณขั้นสุดท้ายสําหรับปี 2567 เร็วขึ้นจากเดือนพฤษภาคม มาเป็นเดือนเมษายน 2567

ทั้งนี้ ประเมินว่าโครงการใหม่ๆ ของภาครัฐจะมีมูลค่าราว 233,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 45% ของโครงการทั้งหมดที่จะออกมาในปี 2567 หากสมมติว่าโอกาสชนะประมูลงานมาได้ราว 15% ทําให้มี Backlog ส่วนเพิ่มปีนี้อีกราว 35,000 ล้านบาท โดยอัพไซด์จะมาจากโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีส้ม (ส่วนต่อขยายตะวันตก) มูลค่า 109,000 ล้านบาท  มีประเด็นข้อกฎหมายที่ยังรอคําตัดสินสุดท้ายของศาลปกครองสูงสุดอยู่

ช.การช่าง

อีกแรงขับเคลื่อนการเติบโตในปี 2567 คือหากอัตราดอกเบี้ยเริ่มลดลงตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง จะทำให้บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ ได้ดีขึ้น โดยปัจจุบัน CK มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (net gearing) สูงอยู่ที่ 1.8 เท่า เพราะฉะนั้น น่าจะเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์ในลําดับต้นๆ จากกรณีนี้

จากการศึกษาของ บล. เคจีไอ หากอัตราดอกเบี้ยลดลงเฉลี่ยทุก 0.25% กําไรของ CK จะเพิ่มขึ้นราว 5% ทั้งนี้ ประเมินว่ากําไรของ CK จะเติบโต 17% YoY อยู่ที่ 1,750 ล้านบาทในปี 2567 และ 26% YoY อยู่ที่ 2,200 ล้านบาทในปี 2568

Valuation และคำแนะนำลงทุนหุ้น CK

บล. เคจีไอ กลับมาให้คำแนะนำลงทุนหุ้น CK ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 30.5 บาท อิงจากค่าเฉลี่ย PE ปี 2567 ที่ 30 เท่า ส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจาก BEM CKP และ TTW รวมกันผ่านกําไรจากส่วนผู้ถือหุ้นและเงินปันผลรับ ทั้งนี้ ปัจจุบัน CK ซื้อขายที่ PE เพียง 23 เท่า ใกล้เคียงระดับ -1S.D

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน