Stock - Finance

ปีแห่งการฟื้นตัวของหุ้นโรงไฟฟ้าไทย

ปีแห่งการฟื้นตัวของหุ้นโรงไฟฟ้าไทยคาดราคาก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มลดลงในปีนี้  ต้นทุนการนำเข้าที่ลดลงและการผลิตก๊าซจากแหล่งเอราวัณที่เพิ่มขึ้น

ปี 2566 ที่ผ่านมา อาจจะไม่ใช่ปีที่สดใสนักของกลุ่มโรงไฟฟ้า (Power Sector) โดยภาพรวมของกลุ่มราคาหุ้นปรับตัวลดลงกว่า26% นำโดยหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่หลายตัว อาทิ EA ราคาปรับลดลง 54.4% BANPU ลดลง 50.4% GUNKUL ลดลง 46.7% ACE ลดลง 43.3% และ GPSC ลดลง 33.6%

ถ้าจะสรุปภาพรวมของปีก่อน สั้นๆ คือหุ้นโรงไฟฟ้าลงแรงทุกตัว เนื่องจากแรงกดดันในเรื่องของปัจจัยต้นทุนดอกเบี้ยขาขึ้น และมาตรการกำกับดูแลค่าไฟฟ้าของภาครัฐ

แต่อย่างไรก็ดี ภาพของหุ้นโรงไฟฟ้าในปี 2567 มีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น  ล่าสุดบทวิเคราะห์ บล. เมย์แบงก์ เปิดเผยว่าจะเป็นปีแห่งการฟื้นตัว ด้วยการอัปเกรดคำแนะนำการลงทุนหุ้นโรงไฟฟ้า เป็นมุมมองบวก “Positive” จากเดิมเท่าตลาด

ปัจจัยหนุนมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรแตะระดับสูงสุดแล้ว ในขณะที่ความเสี่ยงด้านนโยบายเริ่มจำกัด พร้อมทั้งคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มลดลงในปีนี้ เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าที่ลดลงและการผลิตก๊าซจากแหล่งเอราวัณที่เพิ่มขึ้น

โรงไฟฟ้า

ประเมิน Spark Spread (ส่วนต่างระหว่างค่าไฟฟ้าเทียบกับราคาก๊าซต่อkWh) จะค่อย ๆ กลับสู่ระดับปกติ (ระดับก่อนปี 2565) ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรของผู้ผลิตไฟฟ้าในระหว่างปี 2567-2568 นอกจากนี้ คาดว่าอัตราค่าไฟฟ้าจะยังคงอยู่ที่ 4.10 บาท/kWh ต่อไปอีก 2 ปี เพิ่มขึ้นจากสมมติฐานเดิมที่ 3.99 บาท/kWh

ส่วนแผนการเปิดประมูลโครงการใหม่ คาดจะอยู่ที่ 7.5 – 12.7GW ซึ่งยังไม่รวมกำลังการผลิตพลังงานทดแทน [RE] ที่ 15 – 25% ซึ่งประเมินว่ากำลังการผลิตใหม่นี้จะเข้ามาแทนที่กำลังการผลิต 15.8GW ของกฟผ. และ IPP ที่จะเลิกผลิตในอีก 15 ปีข้างหน้า โดยแผน PDP ฉบับใหม่จะมีการประกาศในปีนี้ เนื่องจากแผน PDP ปัจจุบันล้าสมัยแล้ว

เลือก GPSC เป็นหุ้นเด่น

สำหรับหุ้นโรงไฟฟ้า Top Pick ของบล. เมย์แบงก์ คือ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เนื่องมาจาก

1. กำไรมีศักยภาพในการฟื้นตัวมากที่สุดในกลุ่ม

2. ราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจ จากการปรับสมมติฐานอัตราค่าไฟฟ้าปี 2567 – 2568 เป็น 4.10 บาท/kWh และเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าขึ้น 0.4 – 0.9% หลังจากปรับประมาณการกำไรขึ้นเล็กน้อย

3. GPSC จะได้รับอานิสงส์โดยตรงจาก spark spread ที่เพิ่มขึ้น เพราะมีสัดส่วนโรงไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) จำนวนมาก

4. GPSC ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ สำหรับโครงการ Gheco-One ซึ่งเป็นโครงการ IPP ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท

โรงไฟฟ้า

ทั้งนี้ ประเมินกำไรปี 2567 ของ GPSC จะปรับเพิ่มขึ้น 121% YoY แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 58 บาทต่อหุ้น โดยมี Upside ประมาณ 30%

สำหรับ GPSC เป็นบริษัทในกลุ่มปตท. ที่ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และสาธารณูปโภคต่างๆ

นอกจากนี้ ยังดำเนินธุรกิจในลักษณะการเข้าถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ สาธารณูปโภคต่างๆ รวมถึงธุรกิจ New S-Curve ได้แก่ ธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจพลังงานอัจฉริยะ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งในและต่างประเทศ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

 

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน