Stock - Finance

‘PTTEP-TOP-BCP’ รับผลบวก ซาอุฯ ยืดเวลาลดกำลังผลิต

“PTTEP-TOP-BCP ” รับผลบวก ซาอุดิอาระเบีย ประกาศขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้

ราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 2% หลังเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 ซาอุดิอาระเบีย ประกาศขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจ ปริมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้ ทำให้ซาอุดิอาระเบีย จะมีกำลังการผลิตน้ำมันอยู่ที่ 9 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 นับตั้งแต่กรกฎาคมที่ผ่านมา

การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจของซาอุดิอาระเบีย เป็นการเพิ่มเติมจากที่ OPEC และพันธมิตร หรือ OPEC+ กำลังลดปริมาณการผลิตรวม 1.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปี 2567 โดยอยู่นอกเหนือนโยบายการผลิตที่ตกลงร่วมกันกับ OPEC+

ขณะเดียวกันรัสเซีย ก็ประกาศว่าจะลดปริมาณการส่งออกน้ำมัน จำนวน 300,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนกันยายนนี้ สะท้อนให้เห็นมุมมองการควบคุมระดับราคาของผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกให้อยู่ในระดับที่พอใจ ระดับ 80-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีหลายปัจจัยเข้ามากดดันปริมาณความต้องการน้ำมัน

shutterstock 1945245673

ประเด็นดังกล่าวส่งผลโดยตรงให้หุ้นกลุ่มน้ำมันได้รับผลบวกตามไปด้วย โดยบทวิเคราะห์ บล. ธนชาต ประเมินว่าจากกรณีที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 2.3% หลังซาอุดิอาระเบีย ประกาศขยายเวลาลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ 1 ล้านบาร์เรลต่อเดือน ไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน ขณะที่รัสเซียประกาศลดการส่งออกน้ำมัน 300,000 บาร์เรลต่อวัน ถือเป็นการกดดันให้ Supply ตึงตัว

จึงแนะนำ “ซื้อ” หุ้นกลุ่มพลังงาน ได้แก่ PTTEP หรือ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน), TOP หรือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน), BCP หรือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มดังกล่าวยังสามารถเป็นแหล่งพักเงินในช่วงการเมืองผันผวนจากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า

นักวิเคราะห์ บล. เอเซีย พลัส กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังอยู่ในกรอบระดับสูงที่ 80-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปัจจัยหนุนหลักด้าน Supply ที่ผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก พยายามที่จะควบคุมปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับความต้องการใช้ เพื่อพยุงราคาน้ำมันดิบให้สูงขึ้น

Capture 10

ดังนั้น ทำให้ฝ่ายวิจัยได้มีการปรับเพิ่มมุมมองระยะยาวสำหรับราคาน้ำมันดิบดูไบตั้งแต่ปี 2567 ขึ้นมาอยู่ที่ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สะท้อนนโยบายของกลุ่ม OPEC และ OPEC+ ที่มักจะมีมติปรับลดกำลังการผลิตในวาระต่างๆ ออกมาเสมอเพื่อประคองราคาน้ำมันในตลาดไม่ให้ปรับตัวลดลงไป

ขณะที่สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2566 ยังคงไว้ที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากยังมีประเด็นสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่คงยังมีความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นระลอกๆ

สำหรับมุมมองการลงทุนเชิงกลยุทธ์ บล. เอเซีย พลัส แนะนำในลักษณะเก็งกำไร (trading) ตามราคาน้ำมันในหุ้น PTTEP ที่ราคาเป้าหมาย 178 บาทต่อหุ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight