แพทย์เตือน ‘กัญชา’ ใช้ผิด เสี่ยงเกิด ‘อาการทางจิต’ แนะผู้ปกครอง หมั่นสังเกตพฤติกรรมบุตรหลาน พบผิดปกติให้รีบพูดคุย หรือปรึกษาแพทย์
นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 กัญชาและกัญชง ถูกปลดล็อกไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 อีกต่อไป แต่ในส่วนของสารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชา หรือกัญชง ยังเป็นยาเสพติดในประเภท 5 ยกเว้นสารสกัดที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตในประเทศ และมีสาร THC ไม่เกิน 0.2 % เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้สกัดจากพืชกัญชา หรือกัญชงที่ปลูกภายในประเทศ
เนื่องจากสาร THC เป็นสารเสพติด หากใช้ขนาดสูงเป็นประจำจะทำให้เกิดภาวะดื้อต่อสาร ทำให้ต้องมีการเพิ่มขนาดเพื่อจะให้ได้ผลเท่าเดิมและเกิดการติดได้
นอกจากนี้ยังห้ามนำเข้า พืชกัญชาและกัญชง ยกเว้นเมล็ดพันธุ์ ซึ่งหลังจากนี้ อาจทำให้กลุ่มวัยรุ่นรวมถึงประชาชนทั่วไปให้ความสนใจ บางกลุ่มอาจมีการนำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิด เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง
กัญชาออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทในช่วงแรก ก่อนจะกดประสาท
การออกฤทธิ์ของกัญชา ในระยะแรกจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ผู้ใช้ตื่นตัว ตื่นเต้น ร่าเริง หัวเราะง่าย ช่างพูด พูดคนเดียว ยิ้มคนเดียว ไม่หลับไม่นอน เมื่อเวลาผ่านไป 1-2 ชั่วโมง จะเริ่มออกฤทธิ์กดประสาท ทำให้มีอาการคล้ายกับเมาเหล้า หน้าแดง ลิ้นไก่พันกัน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง เซื่องซึม ง่วงนอนตลอดเวลา ถ้าใช้ในปริมาณมาก จะทำให้เกิดภาพลวงตา ควบคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อหมดฤทธิ์จะทำให้ผู้ใช้ มีอารมณ์อ่อนไหว เลื่อนลอย สมองสั่งงานช้า ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ใจสั่น หูแว่ว
ดังนั้น ผู้ใช้กัญชาจึงไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ อาจเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ทั้งนี้ในกลุ่มเยาวชนอายุน้อยกว่า 25 ปี กลุ่มผู้สูงอายุควรใช้กัญชาด้วยความระมัดระวัง และห้ามใช้ในผู้ที่มีอาการโรคหัวใจและหลอดเลือดขั้นรุนแรง หรือไม่สามารถควบคุมอาการได้ ผู้ที่มีประวัติความผิดปกติทางจิตเวช รวมถึง สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร
ใช้ในทางที่ผิด มีผลเสียต่อร่างกาย เสี่ยงอาการทางจิต
นายแพทย์สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่ากัญชาจะมีประโยชน์ทั้งในทางการแพทย์ รวมไปถึงการนำสาระสำคัญในกัญชาไปต่อยอด เพื่อเพิ่มมูลค่าในผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ ทั้งอาหาร ยา เครื่องสำอาง สมุนไพรและอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งปลูก เพื่อใช้ประโยชน์ในครัวเรือน เหมือนพืชสมุนไพรประจำบ้าน นำมารักษาสุขภาพตนเองและครอบครัว สร้างรายได้กับผู้ปลูก
แต่หากมีการนำไปใช้ในทางที่ผิด อาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย ทำให้อ่อนเพลีย น้ำหนักตัวลดลง เกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่าย ร่างกายเสื่อมโทรม ไม่สามารถทำงานได้ ความคิดและการตัดสินใจเสื่อมถอย นอกจากนี้ยังทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ผู้ที่ใช้กัญชาในปริมาณมาก อาจจะทำให้เป็นโรคจิต เกิดอาการ วิตกกังวล หวาดระแวง เลื่อนลอย สับสน ฟั่นเฟือน ประสาทหลอน ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
แนะผู้ปกครอง สังเกตพฤติกรรมบุตรหลาน และคนในครอบครัว
เตือนพ่อแม่ ผู้ปกครองหมั่นสังเกตุพฤติกรรมของบุตรหลาน และคนในครอบครัว หากพบมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการนำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิดให้รีบพูดคุย บอกกล่าวถึงผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายที่จะตามมา รวมถึงปัญหาการเสพติด ให้รีบพาไปปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือเข้ารับการบำบัดรักษาได้ที่ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กรมการแพทย์ จังหวัดปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง
- โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่
- โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน
- โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น
- โรงพยาบาลธัญญารักษ์อุดรธานี
- โรงพยาบาลธัญญารักษ์สงขลา
- โรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี
หรือขอรับคำปรึกษาเรื่องยาและสารเสพติดได้ที่สายด่วนยาเสพติด 1165 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pmnidat.go.th
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิดสายด่วน ‘ปรึกษากัญ 1667’ แนะนำใช้ ‘กัญชา-กัญชง’ อย่างถูกต้อง
- ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เผย เจอแล้ว 1 ราย ‘เสพกัญชาเกินขนาด’ หัวใจล้มเหลว เสียชีวิต
- ‘ติดกัญชา’ หรือไม่? ประเมินได้ด้วยตัวเอง ผ่าน Line ‘ห่วงใย’