Politics

‘หมอธีระวัฒน์’ แนะฉีดวัคซีนเชื้อตายเด็กเล็ก 2 เข็ม กระตุ้นภูมิด้วย ‘ไฟเซอร์-โมเดอร์นา’ แค่ 1 ส่วน 4 โดส

‘หมอธีระวัฒน์’ แนะฉีดวัคซีนโควิดเด็กเล็ก อายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป ให้ใช้เชื้อตาย 2 เข็ม กระตุ้นภูมิด้วย ‘ไฟเซอร์-โมเดอร์นา’ แค่ 1 ส่วน 4 โดส เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha กล่าวถึง ผลข้างเคียงที่จะเกิดอาการหัวใจอักเสบ จากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด แนะสำหรับเด็กเล็ก ให้ใช้วิธีการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตาย 2 เข้ม ตามด้วยฉีดเข็มกระตุ้น ด้วยไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา แค่ 1 ใน 4 ส่วน โดยระบุว่า

LINE ALBUM นพยงธีระวัฒน์มนูญ ๒๑๑๐๑๓

หัวใจอักเสบจากวัคซีน แม้จะเกิดไม่มาก จะมีทางเลือกเป็นการฉีดเข้าชั้นผิวหนังได้หรือไม่  ซึ่งปริมาณวัคซีนที่ได้รับจะน้อยกว่า และผ่านกลไกที่กระตุ้นการอักเสบน้อยกว่า

การฉีดเข้าชั้นผิวหนังทดสอบในต่างประเทศ เช่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กลุ่มทำงานของเราประมาณ 400 คนแล้ว

การฉีดแบบนี้ ประเทศไทยกลุ่มเราเริ่มตั้งแต่ปี 2530 องค์การอนามัยโลก ยอมรับจนถึงปัจจุบัน และเป็นการฉีดใช้กับวัคซีนได้ทุกชนิด แม้กระทั่งวัคซีนใข้หวัดใหญ่ ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นการฉีดเข้าชั้นผิวหนัง  ฉีดให้คนได้เยอะ กว่าบริษัทขายได้น้อยลงคงไม่เป็นไร

กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบภายใน 42 วัน หลังจากที่ได้รับวัคซีนนั้น ไม่ปรากฏในรายงานที่ใช้วัคซีนหัด คางทูม หัดเยอรมัน อีสุกอีใส โปลิโอ หรือไข้เหลือง (vaccine safety data link) มีรายงานสองสามรายในวัคซีนไข้หวัดใหญ่แต่ความเชื่อมโยงไม่ชัดเจน

แต่สำหรับวัคซีน mRNA ไฟเซอร์ โมเดอร์นา รายงานแรก ๆ เช่น ที่สถาบัน Duke cardiovascular magnetic resonance center, NC ในช่วง 3 เดือนระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์-30 เมษายน 2564 พบผู้ป่วย 7 ราย และยืนยันด้วยการตรวจด้วยคอมพิวเตอร์สนามแม่เหล็กไฟฟ้าอายุ 23 ถึง 36 ปี และมีผู้ป่วยหนึ่งรายอายุ 70 ปี ไม่มีใครติดเชื้อโควิด

อัตราการฉีดวัคซีนที่รัฐนี้ ในช่วงเวลานั้นคือ 561,197 ราย (วารสาร JAMA cardiol 28 มิถุนายน 2564) ในทหาร รายงานในวารสารเดียวกันวันที่ 29 มิถุนายน พบทหารหนุ่มแข็งแรง 23 ราย จาก 1.4 ล้านคน

shutterstock 652689265

ในการรวบรวมข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯหรือ CDC ความเสี่ยง ในการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ภายในเจ็ดวันจากไฟเซอร์ โมเดอร์นา (23 มิถุนายน 2564)

ช่วงอายุ 12 ถึง 17 ปี ผู้ชาย 62.75 ต่อ 1 ล้านโดส ผู้หญิง 8.68 ต่อ 1 ล้านโดส…ช่วงอายุ 18 ถึง 24 ปี ผู้ชาย 50.49 ต่อผู้หญิง 4.39…ช่วงอายุ 25 ถึง 29 ปี ผู้ชาย 16.27 ต่อผู้หญิง 1.69

ช่วงอายุ 30 ถึง 39 ปี 7.34 ต่อ 1.18…ช่วงอายุ 40 ถึง 49 ปี 3.96 ต่อ 1.81…ช่วงอายุ 50 ถึง 64 ปี 1.11 ต่อ 0.96…อายุ 65 ปีขึ้นไป 0.61 ต่อ 0.46

หัวใจผิดปกติในเด็กชาย หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์สูงมาก (162.2 คน ใน 1 ล้านคน) การวิเคราะห์ข้อมูล โดยคุณหมอ Tracy Hoeg และคณะ จาก University of California, Davis ภาควิชา Physical Medicine and Rehabilitation โดยใช้ข้อมูลที่มีการรายงานมาในระบบ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากวัคซีนของชาติ (VAERS) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-18 มิถุนายน 2564 เด็กอายุ 12 ถึง 17 ปี ที่ไม่มีโรคประจำตัวที่ได้รับวัคซีน mRNA ที่มีอาการ และลักษณะเข้าได้กับกล้ามเนื้อหัวใจ และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ

  • เด็กผู้ชายอายุ 12 ถึง 15 เกิดหัวใจอักเสบ 162.2 ต่อล้าน
  • เด็กผู้ชายอายุ 16 ถึง 17 = 94 ต่อล้าน
  • เด็กผู้หญิง อายุ 12 ถึง 15 เกิดหัวใจอักเสบ 13.0 ต่อล้าน
  • เด็กผู้หญิงอายุ 16 ถึง 17 = 13.4 ต่อล้าน

ในจำนวนนี้ ซึ่งเกือบ 86% เป็นเด็กชาย ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล

ข้อมูลตรงกับที่ CDC สหรัฐ รายงาน คือ มักเกิดหลังเข็มที่สองในผู้ชายอายุ 12 ถึง 17 แต่อุบัติการณ์จากการวิเคราะห์นี้ สูงกว่าที่ได้เคยมีรายงานไว้คือที่ 62.5 ในผู้ชายและ 8.68 ในผู้หญิงที่อายุ 12 ถึง 17 ต่อล้าน 

CDC สรุปในวันที่ 8 กันยายน 2564 ว่า มักเกิดในผู้ชายอายุไม่มาก มักเกิดตามหลังเข็มที่สอง เกิดขึ้นภายในไม่กี่วันหลังได้รับวัคซีน ตอบสนองต่อการรักษาดี แต่ต้องปรึกษาหมอหัวใจ ในเรื่องการออกกำลัง และการเล่นกีฬา หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว

นอกจากนี้ งานวิจัยจากแคนาดา พบความเสี่ยงจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากวัคซีน mRNA อยู่ที่ 1 ต่อ 1 พัน เป็นชายถึง 90% และโมเดอร์นา มากกว่าไฟเซอร์ 4 เท่า ทั้งนี้ อาจจะเกิดจากเนื้อวัคซีนที่มากกว่า และชนิดของสารที่ใช้กระตุ้นคู่กับวัคซีน

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าความเสี่ยงของหัวใจอักเสบ จะอยู่ในช่วงตั้งแต่ประมาณหนึ่งใน 1,000 ถึง หนึ่งใน 10,000 และแม้จะเกิดในผู้ชายอายุน้อยมากกว่าผู้หญิงก็ตาม แต่เมื่อนำมาใช้ในอายุที่น้อยลงเรื่อย ๆ เช่น จนถึงอายุ 3 ขวบ จะมีความปลอดภัย และคุ้มกับอันตราย ที่จะเกิดขึ้นในระยะเฉียบพลัน และในระยะยาวหรือไม่

ทั้งนี้ ตัวเลขของการเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากหัวใจอักเสบในบางพื้นที่ จากรายงาน จะสูงกว่าที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากติดเชื้อโควิด ในกลุ่มอายุน้อย โดยเฉพาะอายุ 12-17 ปี และไม่มีโรคประจำตัวด้วยซ้ำ

shutterstock 1987160582

ทางเลือกสำหรับประเทศไทย ในเด็กตั้งแต่อายุ 3 ขวบขึ้นไป เพื่อความปลอดภัยสูงสุด อาจจะเป็นวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม แต่เนื่องจากไม่สามารถคุมเดลตาได้ จึงต้องตามด้วยไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา ในปริมาณน้อยที่สุด คือ 1 ส่วน 4 โดส เข้ากล้าม ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าได้ผล

หรือจะใช้ขนาด 1 ใน 5 หรือ 1 ใน 10 ทางชั้นผิวหนังก็ได้ผลเช่นกัน และแท้จริงแล้ว มีความเป็นไปได้ ที่จะเป็นการฉีดเข้าชั้นผิวหนังทั้งหมดตั้งแต่เข็มแรก โดยเข็มแรก และเข็มที่ 2 ห่างกัน 7 วัน

ทั้งนี้ จะทำให้ภูมิคุ้มกันสูงขึ้นได้ภายในวันที่ 14-30 ของการฉีด ดังที่พิสูจน์แล้วในวัคซีนเชื้อตายโรคพิษสุนัขบ้า และหลังจากนั้น อีกประมาณเดือนครึ่ง ถึงสามเดือน จึงฉีดเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีนเทคโนโลยีอื่นตามข้างต้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo