เดินทางเข้า ภูเก็ต หรือออกจากจังหวัด อ่านคำสั่งฉบับล่าสุด มีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคม เป็นต้นไป ทั้งทางอากาศ ทางบก ทางน้ำ มีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคมนี้ รับโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์
ศูนย์ข้อมูลโควิดจังหวัดภูเก็ต โพสต์เพจเฟซบุ๊ก คำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 3491/2564 เรื่อง กำหนดมาตรการตรวจคัดกรองการ เดินทางเข้า ภูเก็ต รองรับการเปิดเมือง ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) มีผลตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ดังนี้
ข้อ 1. มาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ทางท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ของคนต่างประเทศและคนไทย ต้องมีคุณสมบัติและปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
1) ต้องเป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือความเสี่ยงปานกลาง ตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุข และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำหนด ทั้งนี้ กรณีเดินทางจากประเทศอื่น ต้องพำนักอยู่ในประเทศที่กำหนดข้างต้น อย่างน้อย 21 วัน ก่อนการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต
2) ต้องมีหนังสือรับรองว่า เป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry – COE)
3) ต้องได้รับวัคซีนตามกำหนดของประเทศไทย ครบกำหนด 2 เข็ม (ตามประเภทวัคซีน) อย่างน้อย 14 วัน ก่อนการเดินทาง และมีเอกสารรับรองการได้รับวัคซีน (Vaccine Certificate) กรณีเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี สามารถเดินทางเข้ามาพร้อมกับผู้ปกครองได้
4) มีใบรับรองแพทย์ ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด-19 (Medical certificate with a laboratory result indicating that COVID – 19 is not detected) โดยวิธีการ RT – PCR โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
5) กรณีเคยติดเชื้อต้องได้รับวัคซีนตามกำหนด 2 เข็ม (ตามประเภทวัคซีน) อย่างน้อย 14 วัน
6) มีกรมธรรม์ประกันภัย ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่าย ในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาล หรือหลักประกันอื่นใด ซึ่งรวมถึงกรณีโรคโควิด – 19 ตลอดระยะเวลาที่ผู้เดินทางอยู่ในราชอาณาจักร ในวงเงินไม่น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์
7) ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด – 19 โดยวิธี RT-PCR จำนวน 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ตั้งแต่วันที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร (day 0) ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต โดยพักรอในห้องพัก 1 คืน เพื่อรอรับแจ้งผลการตรวจผ่านทางผู้จัดการ (COVID-19 Manager) ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6 – 7 ณ โรงแรมที่พักอาศัย หรือห้องปฏิบัติการ (Lab นอก) โดยโรงพยาบาลคู่สัญญา และครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 12 – 13 ณ โรงแรมที่พักอาศัยหรือห้องปฏิบัติการ (Lab นอก) โดยโรงพยาบาลคู่สัญญา
8 ) ต้องเข้าพำนัก ณ สถานประกอบการโรงแรม ที่ได้รับมาตรฐาน SHA+ (SHA Plus) ในจังหวัดภูเก็ต เป็นระยะเวลา 14 คืน จึงสามารถเดินทางออกนอกจังหวัดภูเก็ต เพื่อท่องเที่ยวในจังหวัดอื่นได้ กรณีพำนักไม่ถึง 14 คืน ต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเท่านั้น
9) ผู้เดินทางสามารถเดินทางในจังหวัดภูเก็ต และดำเนินกิจกรรมทางการท่องเที่ยว และใช้บริการสถานประกอบการที่ได้รับมาตรฐาน SHA+ (SHA Plus) ภายใต้มาตรการ D-M-H-T-T-A
10) ติดตั้งแอปพลิเคชัน Thailand Plus และ Tracing Application : Morchana และยินยอมให้ระบบติดตามพิกัดตามภูมิศาสตร์ (GPS) ผ่านแอปพลิเคชัน ตลอดระยะเวลาที่พำนักในประเทศไทย
ข้อ 2. ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และประสงค์จะเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ต เพื่อเดินทางไปยังจังหวัดอื่น หรือเดินทางออกนอกราชอาณาจักรทางอากาศ (ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต) ให้ถือปฏิบัติ ดังนี้
นักท่องเที่ยวที่พำนักในจังหวัดภูเก็ตครบกำหนด 14 คืน และประสงค์จะเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ต ให้แสดงเอกสารหลักฐาน ต่อเจ้าหน้าที่ ณ ด่านตรวจช่องทางขาออก ณ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศหรืออาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ดังต่อไปนี้
- หนังสือเดินทางและวีซ่าที่ตรวจลงตราโดย ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ตขาเข้า (ยกเว้นผู้มีสัญชาติไทย)
- หลักฐานยืนยันการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 แสดงว่าตรวจไม่พบเชื้อโควิด – 19 ตลอดระยะเวลา 14 คืน ที่พำนักอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งออกโดยหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข
- หลักฐานการเข้าพักในโรงแรมหรือที่พักที่ได้รับมาตรฐาน SHA+ (SHA Plus)
ข้อ 3. ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และประสงค์จะเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ต เพื่อเดินทางไปยังจังหวัดอื่น ทางบกและทางเรือ ให้ถือปฏิบัติ ดังนี้
ทางบก (ด่านตรวจท่าฉัตรไชย)
ผู้ที่ประสงค์เดินทาง ออกนอกพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ต้องมีเอกสารยืนยันการผ่านวิธีการที่ทางราชการกำหนด โดยมีการลงตราในใบเอกสาร แนบในหนังสือเดินทาง แสดงถึงระยะเวลาที่ต้องพำนักในจังหวัดภูเก็ต หลักฐานยืนยันการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ที่แสดงว่าตรวจไม่พบเชื้อโควิด – 19 ตลอดระยะเวลา 14 วัน ที่พำนักอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งออกโดยหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข และหลักฐานยืนยันการพำนัก ในสถานประกอบการที่ได้รับมาตรฐาน SHA+ (SHA Plus) ในจังหวัดภูเก็ต 14 คืน
ทางเรือ (ท่าเทียบเรือ)
ให้ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและพำนักอยู่ในจังหวัดภูเก็ตตามกำหนด 14 คืน ที่ประสงค์จะเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ตทางเรือ สามารถเดินทางโดยเรือโดยสารออกจากท่าเทียบเรือที่กำหนด ดังนี้
- ท่าเทียบเรืออ่าวปอ ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
- ท่าเทียบเรือรัษฎา ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
- ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
ในกรณีที่จะเดินทางโดยเรือยอร์ช ให้เดินทางออกจากท่าเรือที่กำหนด ดังนี้
- ท่าเทียบเรือยอร์ช เฮเว่น มารีน่า ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
- ท่าเทียบเรืออ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
- ท่าเทียบเรือภูเก็ต โบ๊ทลากูน ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
- ท่าเทียบเรือรอยัล ภูเก็ต มารีน่า ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
- ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
โดยต้องแจ้งเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต หรือศูนย์ปฏิบัติการติดตามและควบคุมการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ต (ศปก.Phuket Sandbox) ก่อนออกเดินทางไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง
ผู้เดินทางต้องแสดงหลักฐาน ดังต่อไปนี้
- หนังสือเดินทางและวีซ่าที่ตรวจลงตราโดย ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ตขาเข้า (ยกเว้นผู้มีสัญชาติไทย)
- หลักฐานยืนยันการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 แสดงว่าตรวจไม่พบเชื้อโควิด – 19 ตลอดระยะเวลา 14 คืน ที่พำนักอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งออกโดยหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข
- หลักฐานการเข้าพักในโรงแรมหรือที่พักที่ได้รับมาตรฐาน SHA+ (SHA Plus)
กรณีผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ที่ประสงค์จะเดินทางท่องเที่ยว ในน่านน้ำจังหวัดภูเก็ต จะต้องเดินทางออกจากท่าเรือที่กำหนด คือ ท่าเทียบเรืออ่าวปอ ท่าเทียบเรือรัษฎา ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ท่าเทียบเรือ ยอร์ช เฮเว่น มารีน่า ท่าเทียบเรืออ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า ท่าเทียบเรือภูเก็ต โบ๊ทลากูน ท่าเทียบเรือรอยัล ภูเก็ต มารีน่า ผู้เดินทางจะต้องปฏิบัติ ดังนี้
- ลงทะเบียนระบบติดตามตัว โดยการรายงานตัวผ่านแอปพลิเคชัน ตามที่ทางราชการกำหนด
- เรือโดยสาร จะต้องติดตั้งระบบแสดงตนอัตโนมัติ ( AIS ไม่ต่ำกว่า Type B ) และติดตั้งวิทยุสื่อสาร VHF พร้อมเปิดใช้งานตลอดเวลาและให้เป็นไปตามกฎหมายกรมเจ้าท่า
เจ้าของเรือหรือผู้ควบคุมเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือ ต้องแจ้งเรือเข้า – ออกท่าเรือ ตามแบบรายงานพร้อมเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตามข้อ 2 ตรวจสอบก่อนปล่อยเรือออกจากท่า หรือเมื่อเรือเข้าเทียบท่าเสร็จเรียบร้อย ซึ่งประกอบด้วยเอกสาร ดังต่อไปนี้
1. แบบรายงานเรือเข้า – ออกท่าเทียบเรือ
2. บัญชีรายชื่อผู้โดยสารและคนประจำเรือ
3. บัญชีผู้เอาประกันภัยหรือกรมธรรม์และความถูกต้องตรงกันของผู้โดยสารที่ลงเรือ (ถ้ามี)
ให้ผู้ประกอบการท่าเรือ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ คนประจำเรือ ลูกเรือ พนักงานในเรือ และผู้โดยสาร ถือปฏิบัติตามประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 8/2564 ลงวันที่ 11 มกราคม 2564 เรื่อง กำหนดให้ผู้ประกอบการเรือ ผู้ประกอบการท่าเรือ เจ้าของเรือ ผู้ควบคุมเรือและผู้โดยสารปฏิบัติ กรณีที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ในข้อที่มิได้กำหนดไว้ในประกาศนี้อย่างเคร่งครัด
กรณีที่ผู้เดินทางต่างประเทศที่ประสงค์จะเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ต ไม่สามารถแสดงหลักฐาน ณ ด่านตรวจทางบก (ท่าฉัตรไชย) ด่านตรวจทางเรือ (ท่าเรือที่กำหนด) จะไม่สามารถเดินทางออกนอกเขตจังหวัดภูเก็ตได้ทุกกรณี ยกเว้นจะเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ตเพื่อออกจากราชอาณาจักรไทยทางท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตเท่านั้น
ข้อ 4. การเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตของคนไทยจากต่างจังหวัด หรือคนต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย ทางด่านตรวจท่าฉัตรไชย ช่องทางน้ำ (ท่าเรือ) ทุกท่า ในจังหวัดภูเก็ต และช่องทางภายในประเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ผู้เดินทาง ยกเว้นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ที่เดินทางมากับผู้ปกครอง ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใด และต้องถือปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
1) ต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ครบ 2 เข็ม หรือครบโดสตามจำนวนวัคซีนแต่ละชนิด หรือได้รับวัคซีนชนิด AstraZeneca จำนวน 1 เข็ม มาแล้วเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน หรือ
2) เป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรคโควิด – 19 มาแล้วไม่เกิน 90 วัน หรือ
3) ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ด้วยวิธีการ RT – PCR หรือวิธีการ Antigen Test ไม่เกิน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับการตรวจ
4) ต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” บนสมาร์ทโฟน และยินยอมเปิดแชร์ตำแหน่งที่ตั้ง (Location) ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต
5) แสดงเอกสารหลักฐานข้างต้น ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อก่อนเข้าจังหวัดภูเก็ต
6) ให้สังเกตติดตามอาการตนเอง (Self Monitoring) ตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค หากพบอาการป่วยหรือสงสัยว่ามีอาการป่วยด้วยโรคโควิด – 19 ให้พบแพทย์โดยด่วน
ข้อ 5. จังหวัดภูเก็ต จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมการเปิดเมือง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว Phuket Tourism Sandbox โดยให้จัดระบบการสื่อสารเชื่อมโยงกับสถานที่สำคัญ ได้แก่
- ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานภูเก็ต
- ด่านตรวจคนเข้าเมืองทางบก (ด่านตรวจท่าฉัตรไชย)
- ด่านตรวจคนเข้าเมืองทางน้ำ
- ศูนย์ประสานงานโรงพยาบาลรัฐและเอกชน (สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด)
- ตำรวจภูธรจังหวัด ตำรวจน้ำ และตำรวจท่องเที่ยว
- ศูนย์ประสานงานโรงแรม/ที่พัก (SHA Plus Manager)
- ศูนย์ประสานงานสถานประกอบการ SHA+ (SHA Plus) (สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด)
- ศรชล.จังหวัดภูเก็ต
- สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลภาคใต้ และ บจม.โทรคมนาคมแห่งชาติ
ข้อ 6. ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต จัดทำแผนรับมือและแผนการชะลอ หรือยกเลิกโครงการ
กรณีมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 90 รายต่อสัปดาห์ มีลักษณะการกระจายโรคในจังหวัดทั้ง 3 อำเภอ และมากกว่า 6 ตำบล และมีการระบาดเกิน 3 คลัสเตอร์ หรือมีการระบาดในวงกว้าง ที่หาสาเหตุหรือความเชื่อมโยงไม่ได้ มีผู้ติดเชื้อครองเตียงตั้งแต่ร้อยละ 80 ของศักยภาพ โดยจะมีมาตรการปรับเปลี่ยน 4 ระดับ ดังนี้
1) ปรับลดกิจกรรม
2) ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อรองรับสถานการณ์ (Sealed Route)
3) มาตรการกักตัวภายในสถานที่พัก Hotel Quarantine
4) ทบทวนยุติโครงการ Phuket Sandbox
ข้อ 7. ขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด – 19 (D – M – H – T – T – A) ได้แก่
D – Distancing = เว้นระยะห่างระหว่างกัน
M – Mask Wearing = สวมหน้ากากผ้า / หน้ากากอนามัยเสมอ
H – Hand Washing = ล้างมือบ่อย ๆ
T – Temperature = ตรวจวัดอุณหภูมิ
T – Testing = ตรวจหาเชื้อโควิด – 19
A – Application = ติดตั้งและสแกนแอปพลิเคชันไทยชนะและหมอชนะ
ข้อ 8. การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือมาตรการ
กรณีคนต่างด้าวผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
- การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 อาจมีโทษตามมาตรา 51 และมาตรา 52
- การฝ่าฝืนคำสั่งตามมาตรการป้องกันโรค สำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร และหลักเกณฑ์การดำเนินการ ซึ่งทางราชการกำหนด เช่น การเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดภูเก็ตก่อนระยะเวลา 14 คืน หรือตามที่กำหนดโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการไม่ให้ความร่วมมือเข้ารับการรักษา เป็นต้น อาจเป็นเหตุแห่งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักร และอาจพิจารณาไม่อนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักร
กรณีบุคคลผู้มีสัญชาติไทย
- การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 อาจมีโทษตามมาตรา 51 และมาตรา 52
กรณีผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว ผู้นำเที่ยว หรือมัคคุเทศก์ รวมถึงเจ้าของพาหนะ ผู้ควบคุมพาหนะ หรือคนประจำพาหนะที่นำคนต่างด้าวโดยสารไปด้วย
- การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 อาจมีโทษตามมาตรา 51 และมาตรา 52
- การฝ่าฝืนมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรและหลักเกณฑ์การดำเนินการซึ่งทางราชการกำหนด อาจถูกพักใช้ใบอนุญาตตามมาตรา 45 หรืออาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 แล้วแต่กรณี หากเข้าเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ อาจเป็นความผิดตามมาตรา 51 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือมาตรา 52 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับแห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และอาจได้รับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์’ เปิดเมือง 1 กรกฎาคม ยอดค้นหาที่พักพุ่ง เน้นจองระยะยาว
- ส่อง 5 มาตรการสาธารณสุข จังหวัดภูเก็ต รองรับ ‘ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์’
- ปมเปิดประเทศ120 วัน! ‘หมอนิธิพัฒน์’ โพสต์ เคยถามภาคการแพทย์บ้างไหม