Business

ส่อง 5 มาตรการสาธารณสุข จังหวัดภูเก็ต รองรับ ‘ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์’

เปิด 5 มาตรการสาธารณสุข รองรับ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ จัดสมดุลระบบเศรษฐกิจ สุขภาพ มุ่งเป็นพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ มั่นใจฉีดวัคซีนครอบคลุม 70% ทันเป้าหมายสิ้นเดือนนี้

นายแพทย์พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 11 เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้เตรียมวาง 5 มาตรการ จังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะระบบสาธารณสุข เพื่อจัดทำ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ตามที่รัฐบาลกำหนด

ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์

สำหรับการกำหนดมาตรการสาธารณสุข 5 ด้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และผลกระทบต่อสุขภาพของคนภูเก็ต ให้เกิดความสมดุล สามารถขับเคลื่อน ด้านสุขภาพและเศรษฐกิจควบคู่กันไป และเพื่อเป็นพื้นที่นำร่อง ในการเปิดประเทศภายใน 120 วัน ตามนโยบายรัฐบาล โดยประกอบด้วย

มาตรการที่ 1 การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ให้กับประชาชน

รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดสรรวัคซีน เพื่อฉีดให้กับประชาชนชาวภูเก็ต ที่มีอยู่ประมาณ 540,000 คน รวมถึงประชากรแฝง กลุ่มแรงงานที่อพยพเข้ามาทำงาน ทั้งถูกกฎหมาย และไม่ถูกกฎหมาย

ขณะนี้ภูเก็ต ได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ทั้งซิโนแวค และแอสตร้าเซนเนก้า ไปแล้วประมาณร้อยละ 65 ของประชากรซึ่งภายในสิ้นเดือนมิถุนายน จะฉีดได้ตามเป้าหมาย คือ ร้อยละ 70 ซึ่งเป็นเป้าหมายเบื้องต้น ก่อนเปิดเมือง

นายแพทย์พิทักษ์พล บุณยมาลิก

มาตรการที่ 2 การคัดกรองผู้ที่มาจากต่างจังหวัด และพื้นที่เสี่ยง ทั้งด่านอากาศ ด่านบก และด่านท่าเรือ

กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ซึ่งผู้เดินทางเข้า จ.ภูเก็ต จะต้องได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มหรือมีผลตรวจคัดกรองโควิด 19 ในเวลา 72 ชั่วโมง ซึ่งอาจปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของประเทศ หรือขึ้นอยู่กับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อป้องกันการเล็ดลอดของเชื้อ เข้ามาในจังหวัดภูเก็ต

มาตรการที่ 3 การเฝ้าระวังเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยง และชุมชนเสี่ยง

โดยเฉพาะชุมชนที่มีผู้ได้รับวัคซีนน้อยกว่าเกณฑ์ เช่น ในโรงเรียน ซึ่ง จ.ภูเก็ต มีโรงเรียนจำนวน 12 โรง มีขนาดตั้งแต่ 500 ถึง 2,000 กว่าคน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้คัดกรองในระบบ Sentinel Surveillance สุ่มตรวจต่อเนื่อง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง สำหรับในโรงงานอุตสาหกรรม ได้ฉีดวัคซีนให้กับพนักงาน ป้องกันการติดเชื้อ เป็นกลุ่มก้อนใหญ่

ภูเก็ต 3

มาตรการที่ 4 มีความพร้อมด้านห้องปฏิบัติการ

เพื่อตรวจนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ได้รับวัคซีน ตามเงื่อนไข หรือมีผลตรวจเชื้อโควิด 19 เป็นเวลา 72 ชั่วโมง ที่เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว ยังคงต้องตรวจหาเชื้อซ้ำอีก 3 ครั้ง คือวันแรกที่เดินทางมาถึง วันที่ 3 – 5 และวันที่ 13-14 ห้องปฏิบัติการ สามารถตรวจหาเชื้อได้ประมาณวันละ 1,500 ตัวอย่าง และจะประสานกับเอกชน เพิ่มปริมาณตรวจหาเชื้อ สามารถตรวจได้ถึงวันละ 3,000 คน

นอกจากนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะช่วยสนับสนุนในด้านเทคนิค ในการตรวจหาเชื้อกลายพันธุ์ ได้ภายใน 24 ชั่วโมง

มาตรการที่ 5 ด้านการรักษาพยาบาล

การเตรียมเตียงและห้องไอซียู รองรับผู้ป่วย ประสิทธิภาพสูงเทียบเท่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่จำนวน 24 เตียง และ Cohort ICU เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีอาการได้มากกว่า 4,000 ราย และมีความพร้อมในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามได้ ภายใน 48 ชั่วโมง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo