สอบปากคำ “ดร.ดัง” ครูขอนแก่น หลังถูกจับกุมตามหมายศาลคดีสวมสิทธิ์โครงการคนละครึ่งและเราเที่ยวด้วยกัน
ที่กองกำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 (กก.3 บก.สส.ภ.4) จังหวัดขอนแก่น โดยพล.ต.ต.พุฒิพงษ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เดินทางเข้าสอบปากคำ ว่าที่ ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ โมรีย์ ครูประจำโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น อยู่บ้านเลขที่ 111/127 ม.17 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่นที่ จ 26 /2564 ลงวันที่ 5 ก.พ. 2564 ในข้อหาเอาไปเสีย หรือไว้ ซึ่งบัตรหรือใบรับรอง หรือใบแทนใบรับรองของผู้อื่น เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ, ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วม สภ.บ้านฝาง,ภ.จว.ขอนแก่น และ บก.สส.ภ.4 จับกุมตัวได้ภายในเขต จ.ขอนแก่น
การจับกุมนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว ว่าที่ ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ ทำการสอบปากคำในห้องสอบสวนทันที โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปสังเกตการณ์ หรือรับฟังการสอบปากคำของทางเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งเพียงว่า ขอให้ทำงานให้แล้วเสร็จเสียก่อน ซึ่ง พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 จะมาให้ข้อมูลอีกครั้งหลังการสอบสวนแล้วเสร็จ ในวันที่ 8 ก.พ.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจับกุมดังกล่าวเป็นการสืบสวนสอบสวนขยายผล ร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.ขอนแก่น,สภ.บ้านฝาง และ บก.สส.ภ.4 ภายหลังจากที่ชาวบ้านบ้านโนนค้อ ม.2 ต.โคกงาม อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น จำนวน 38 คน เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ้านฝางว่า ช่วงเดือน ต.ค. 2563 ครูฝนเอาเงินมาแจก 200 บาท บอกว่าเป็นเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน คนที่ไม่ได้ไปเที่ยวจะได้คนละ 200 บาท แล้วถ่ายเอารูปบัตรประชาชนของชาวบ้านไป
ต่อมารัฐบาลให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราชนะ ชาวบ้านจึงได้ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมในการที่จะรับการช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่ลงทะเบียนไม่ได้ จึงมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกัน โดยให้ธนาคารกรุงไทยทำการตรวจสอบ จนทราบว่า ชื่อของชาวบ้าน มีการนำไปผูกกับหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง และโครงการเที่ยวด้วยกัน ชาวบ้านจึงได้มีการสอบถามกับครูฝน โดยมี ครูภูผาภูมิ มาร่วมเจรจา โดย ว่าที่ ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ จะให้เงินชดเชยกับชาวบ้านที่ถูกเอาชื่อไปผูกกับเบอร์โทรศัพท์รายละ 1,000-2,000 บาท แต่ชาวบ้านไม่ยินยอมและยืนยันจะให้ตำรวจจับกุมตัวครูทั้งสองคนมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จนกระทั่ง เมื่อวานนี้ ( 5 ก.พ.) ครูฝน ซึ่งเป็นบุคคลที่ชาวบ้านกล่าวหา ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสภ.บ้านฝาง เพื่อให้ปากคำกับกรณีที่เกี่ยวข้อง โดยให้ปากคำนานกว่า 10 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บรวบรวมหลักฐานในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับครูภูผาภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหากับ ครูฝนในข้อหา ร่วมกัน ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- วุ่นอีก! กรุงไทยแจ้งเร่งสอบรายการใช้สิทธิ ‘เราชนะ’ บัตรคนจนไม่ตรงตามสิทธิ
- เราชนะ’ เปิดใช้สิทธิได้ตามปกติแล้ว หลังปิดปรับปรุงระบบ!!
- ด่วน! ‘กรุงไทย’ แจ้งปิดใช้สิทธิ ‘เราชนะ’ สำหรับผู้ถือบัตรคนจนชั่วคราว