Politics

บุคคลแห่งปี 2566 : เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีที่ 30 ของประเทศไทย

บุคคลแห่งปี 2566 : เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีที่ 30 ของประเทศไทย

หลายคนคงมีคำถามว่าทำไม บุคคลแห่งปี 2566 จึงเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน เรายังย้ำเหมือนเดิมว่า บุคคลแห่งปี 2566 ในนิยามของเรา #TheBangkokInsight ไม่ได้หมายความว่า “บุคคลแห่งปี” ต้องเป็นผู้วิเศษเหาะเหินเดินอากาศ หรือมีผลงานยอดเยี่ยมเพียบพร้อมเป๊ะปัง เปี่ยมด้วยคุณธรรม หรือมีความสามารถขั้นเทพ แต่ “บุคคลแห่งปี 2566” ของเรา หมายถึงบุคคลที่มีบทบาทในประเทศ บุคคลที่สร้างความสั่นสะเทือน และบุคคลที่ประสบความสำเร็จมาในช่วงตลอดปี 2566

บุคคลแห่งปี 2566

ปี 2566 ถือเป็นปีแห่งประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของประเทศไทย ที่ได้มีการเลือกตั้งครั้งแรก หลังการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยาวนานมาเกือบ 10 ปี และปีที่สำคัญของ นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อจาก “พล.อ.ประยุทธ์” แม้พรรคเพื่อไทยจะไม่ได้ชนะเลือกตั้งก็ตาม!!!

เศรษฐา ทวีสิน อดีตนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หมื่นล้าน สู่นายกรัฐมนตรีที่ 30 ของประเทศไทย เศรษฐา ก้าวเข้าสู่วงการทางการเมืองด้วยตำแหน่ง ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หรือประธานที่ปรึกษาของ “อุ๊งอิ๊ง” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หรือหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน

ความพ่ายแพ้เลือกตั้ง สู่เก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี”

ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 คือชัยชนะครั้งสำคัญของ “พรรคก้าวไกล” และประชาชน โดยประชาชนมากกว่า 14 ล้านเสียงพร้อมใจกันลงคะแนนให้หวังปิดฉากการเมืองระบบเก่า และดัน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่การโหวตนายกรัฐมนตรีในรัฐสภาทำเอาเหล่าด้อมส้ม และประชาชนหัวเสียไปตาม ๆ กัน เมื่อเหล่า สว. โหวตคว่ำมติดัน “พิธา” นั่งนายกรัฐมนตรี และระหว่างการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ขณะที่ที่ประชุมรัฐสภายังถกเถียงการเสนอชื่อ “พิธา” อยู่ ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติรับวินิจฉัยปมถือหุ้นสื่อ ITV ของนายพิธา โดยให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ชั่วคราวและให้มีผลทันที ทำให้นายพิธาต้องเดินออกจากที่ประชุมสภา

และในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 การโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งสุดท้าย หลัง “พรรคเพื่อไทย” มั่นใจในเสียงสนับสนุนทั้งจาก สส. และสว. นายเศรษฐา ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียงจาก 705 เสียง

บุคคลแห่งปี 2566

นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย

วันที่ 23 สิงหาคม 2566 นายเศรษฐา รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 พร้อมประกาศว่า 4 ปีต่อจากนี้ จะเป็น 4 ปีแห่งความเปลี่ยนแปลง พร้อมทุ่มเททำงานตามมาตรฐานจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต จะขอทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย เป็นรัฐบาลที่จะทุ่มเท ทำงานหนัก รับฟังเสียงของประชาชน นำความสามัคคีกลับคืนสู่คนในชาติ นำพาประเทศไทยไปข้างหน้า

นายกรัฐมนตรีมือใหม่

ภายหลังการเข้ารับตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” นายเศรษฐาสร้างปรากฎการณ์ใหม่โดยการเข้าพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เป็นการส่วนตัว เพื่อกราบสวัสดีผู้ใหญ่และขอรับคำแนะนำในการทำงาน จากนั้นนายเศรษฐาได้เดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ โดยเริ่มต้นภารกิจในฐานะผู้นำรัฐบาลในการร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ นอกจากเป็นงานแรกในต่างประเทศแล้ว ยังถือเป็นการเปิดตัวบนเวทีโลก ให้เป็นที่รู้จักกับผู้นำป้ายแดงของประเทศไทยอีกด้วย

ผ่านมาเกือบ 4 เดือนด้วยความเป็น “นายกรัฐมนตรีมือใหม่” ทำให้การสื่อสารของนายเศรษฐาทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากโลกโซเชียลต่อเนื่อง ทั้งกรณีหลุดปากพูดว่ามีนายกรัฐมนตรี 2 คน ตั๋วเพื่อไทย การโพสต์ประณามการโจมตีของกลุ่มฮามาส และกรณีการจ่ายเงินข้าราชการเดือนละ 2 รอบ เป็นต้น แต่เสียงวิพากวิจารณ์เหล่านี้ก็ไม่ได้บั่นทอนการทำงานของนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด

บุคคลแห่งปี 2566

เซลล์แมน “เศรษฐา” ภารกิจสำคัญเพื่อโปรโมทประเทศไทย

เกือบ 4 เดือนที่ผ่านมา “เศรษฐา” ได้ทำหน้าที่เซลล์แมนได้อย่างดี ตามที่เขาเคยประกาศไว้ว่า “วันนี้เขาคือเซลล์แมน ต้องขายสินค้าดี ๆ ของประเทศให้ได้ ไปขายความเชื่อมั่นที่นักลงทุนจะให้กับประเทศไทยให้ได้ ถือเป็นหน้าที่ เป็นภารกิจหลักในฐานะของเซลล์แมนเบอร์หนึ่งของประเทศ”

“เศรษฐา” เดินทางไปเยือนประเทศมหาอำนาจอย่างต่อเนื่อง ทั้งจีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เพื่อนบ้านอาเซียน และประเทศในกลุ่มอาหรับ สิ่งที่ “เศรษฐา” จะย้ำตลอดระหว่างการเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ คือจะพยายามเพิ่มรุกเข้าไปหารือกับนักธุรกิจอันดับต้น ๆ ของแต่ละประเทศที่ไปเยือน เพื่อพูดคุยและชักชวนให้เข้ามาลงทุนในไทย ทั้ง ไมโครซอฟท์ เทสลา กูเกิล เป็นต้น

เพียง 4 เดือนที่ “เศรษฐา” ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี หนทางจากนี้ยังอีกยาวไกลที่จะให้อดีตนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หมื่นล้านได้พิสูจน์ตัวเองกับหน้าที่ “นายกรัฐมนตรี” ว่าจะทำหน้าที่ได้ดี เป็นที่ยอมรับของประชาชนได้มากแค่ไหน

ที่สำคัญนับจากนี้ “เศรษฐา” ยังต้องพิสูจน์ความสามารถในการบริหารจัดการประเทศ ให้สามารถเดินหน้าไปได้ด้วยดี เศรษฐกิจเติบโต ประชาชนจะมั่งคั่งได้อย่างไร พร้อมกับๆการบริหารความขัดแย้งทางการเมืองหากจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า สิ่งเหล่านี้ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถ สำคัญสุด “เศรษฐา” จะประคองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปได้อีกนานแค่ไหน?

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo