Social

‘พี่ตูน’ ยืนหนึ่ง ‘คนดีของสังคม’ ช่วยผู้เดือดร้อน ‘บิ๊กป้อม’ บุคคลแห่งปี ช่วยแก้ปัญหาสังคม

ซูเปอร์โพล เปิดรายชื่อ “บุคคลของสังคม” แห่งปี 2564 ในใจประชาชน พบ “ตูน บอดี้สแลม” มาอันดับหนึ่ง ชวยเหลือผู้เดือดร้อน ด้อยโอกาส ระดมทุนบริจาคเพื่อความดีส่วนรวมของสังคม “บิ๊กป้อม” ผงาดบุคคลแห่งปี ที่ช่วยเหลือแก้ปัญหาสังคม ทั้งเรื่องปากท้อง และความมั่นคง 

นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง “บุคคลของสังคมแห่งปี 2564 ในใจประชาชน” กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,124 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 21 – 25 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา

คนดีของสังคม แห่งปี 2564

ที่มีบทบาทสำคัญช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ด้อยโอกาส ระดมทุนบริจาคเพื่อความดีส่วนรวมของสังคม พบ 3 อันดับแรก ได้แก่

อันดับที่ 1 ตูน บอดี้สแลม อาทิวราห์ คงมาลัย ร้อยละ 44.1 เพราะเป็นผู้จุดกระแสการช่วยเหลือ/แบ่งปันจากคนทุกระดับ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่า “คนไทยไม่ทิ้งกัน” ไม่หวั่นไหวในการทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่น ยอมเสียสละทั้งแรงกายและแรงใจ

อันดับที่ 2 ปวีณา หงสกุล ร้อยละ 29.4 เพราะ เป็นผู้ที่ช่วยเหลือผู้หญิง และเด็ก ด้านกฎหมาย ด้านการเงิน จุดประเด็นปัญหาสังคมให้เป็นประเด็นสาธารณะ และนำไปสู่การแก้ไข จนเกิดภาพจำว่า “แม่พระคนยาก โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก” เธอทำงานด้านนี้อย่างต่อเนื่อง เสมอต้นเสมอปลาย

อันดับที่ 3 บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ร้อยละ 25.9 เพราะ ช่วยเหลือคนยากคนจน ผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยที่ผ่านมา ผลงานลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้คนจนเข้าตากรรมการได้ใจ เพราะคำพูด ที่แรง แต่ตรง จนเกิดภาพจำ นางฟ้าขาลุย ไม่หวั่นไหวจากคำปรามาสของผู้อื่นตั้งมั่นว่า การทำความดีจากความตั้งใจมั่น คือความงามของคนในสังคม

per

คุณหมอของสังคม แห่งปี ช่วยวิกฤติโควิด

อันดับที่ 1 นพ.ยง ภู่วรวรรณ โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร้อยละ 39.9 เพราะ เป็นแพทย์ คนแรกที่ออกมาทำให้สังคมไทย รู้และเข้าใจ เรื่องโควิด -19 และวัคซีน ส่งผลให้ประชาชนดูแลตนเองให้ปลอดภัย และเปลี่ยนจากความตระหนก เป็นความตระหนัก

อันดับที่ 2 พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา โรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ ร้อยละ 36.0 เพราะเป็นแพทย์ในกลุ่มต้น ๆ ที่ ออกตัวช่วยเหลือประชาชนผู้ติดเชื้อโควิด และจัดสรรพื้นที่ให้ผู้ป่วยหนัก รวมถึงได้ภาพจำของนายแพทย์ผู้ปกป้องรักษาสถาบันหลักของชาติ คนจริงพูดตรงไม่กลัวใคร

อันดับที่ 3 นพ.นิธิ มหานนท์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร้อยละ 22.2 เพราะ เป็นหมอที่ช่วยบริหารจัดการและคลี่คลายสถานการณ์เรื่องวัคซีน โควิด-19 ที่อธิบายเรื่องยากๆ ให้เข้าใจง่าย เช่น วิธีการจัดคิวการรับวัคซีนที่ไม่ซ้ำซ้อนกับทางราชการและช่วยเหลือคนเดือนร้อนชายขอบได้จริง เช่นคนงานต่างด้าว และทำให้การนำเข้าวัคซีนมีความคิดที่ชัดเจนและพูดตรงจากความรอบรู้ทางการแพทย์และการบริหารจัดการที่ดี

พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา1
พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา

บุคคลแห่งปีที่ช่วยเหลือแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนและปัญหาสังคม หนี้นอกระบบ ที่ดินทำกิน แหล่งน้ำ และอื่น ๆ ลดความเดือดร้อนปัญหาปากท้องของประชาชน

อันดับที่ 1 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ รองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 40.0 เพราะเป็นรองนายกฯ ที่ดูแลใส่ใจแก้ปัญหาด้วยตนเองโดยเฉพาะความเดือดร้อนทุกข์ยากของคนฐานราก เช่น หนี้นอกระบบ ที่ดินทำกิน ปัญหาค้ามนุษย์ เป็นปัญหาเรื้อรังยากต่อการแก้ไข

แต่ พล.อ.ประวิตร เกาะติดใช้ความตั้งใจจริงทุ่มเทกำกับดูแลแบบกัดไม่ปล่อยจนช่วยเหลือเหยื่อขบวนการหนี้นอกระบบ จัดสรรที่ดินทำกินให้ประชาชนฐานรากจำนวนมาก และแก้ปัญหาค้ามนุษย์ ได้ผลที่น่าพอใจมากกว่าอดีต

อันดับที่ 2  จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร้อยละ 36.4 เพราะ เรื่องปากท้องเป็นความสำคัญอันดับแรก ๆ ของคนทุกระดับที่ถูกแก้ปัญหาแบบครบเครื่องทั้งเรื่องเกษตรและพาณิชย์ การตลาดนำการผลิต ดูแลสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรทั่วประเทศด้วยการทำงานแบบเข้าใจปัญหาและเกาะติดแก้ปัญหาของประชาชนฐานรากสำคัญของประเทศต่อเนื่อง

อันดับที่ 3 อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร้อยละ 19.3 เพราะ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญออกมาตรการเยียวยาความทุกข์ยากของประชาชนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ที่เข้าใจบริบทสังคม ไม่พูดมากและทำงานทุ่มเท และเป็นลูกหม้อ สภาพัฒน์ ทำให้เข้าใจบริบทประเทศ ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม

ประกอบกับการเป็นคนดี เป็นข้าราชการที่ตรงที่ทุกคนเห็นมาโดยตลอด จึงได้รับความไว้วางใจ ข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงตอบโจทย์ ตรงใจ ตรงความเดือดร้อนของประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ

จุรินทร์ 1
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

บุคคลแห่งปี ที่เป็นหลักดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมและความมั่นคงของประเทศ

อันดับที่ 1 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 40.3 เพราะทำงานรักษาความมั่นคงของประเทศในทุกมิติ ทั้งเสาหลักของชาติ เหล่าทัพ และความมั่นคงในชีวิตของประชาชน ที่สะสมมาจากประสบการณ์อันยาวนาน และบารมีในเหล่าทัพ ในการบริหารความมั่นคงของชาติ สู่การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอันเป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงของประเทศ

อันดับที่ 2  พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ร้อยละ 27.3 เพราะ เป็นผู้นำทางทหาร ในการต่อสู้กับความยากจน และต่อสู้กับความเดือดร้อนของประชาชน ความขัดแย้งของประชาชนไม่ใช่ศัตรูทหาร

ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าทุกครั้งที่ประชาชนเดือดร้อน ทหารจะออกมาช่วยเหลือประชาชนในทุกเรื่อง เวลานี้ทหารสร้างความมั่นคงของประเทศ ด้วยการลงมือแก้ปัญหาประชาชน ทั้งเรื่องปากท้องและสาธารณูปโภค

อันดับที่ 3 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร้อยละ 26.0 เพราะการปฏิรูปตำรวจเป็นเสียงเรียกร้องของสังคมมาโดยตลอด แต่การปฏิรูปตำรวจที่เป็นไปตามธรรมชาติเกิดขึ้นได้เช่นกัน คือ อยู่ที่ความเป็นผู้นำที่ดีขององค์กร และบทบาทสำคัญในการควบคุมสถานการณ์ความไม่มั่นคงของประเทศ การชุมนุมของกลุ่มผู้มีความขัดแย้งทางความคิด และความรุนแรง ที่ถูกดำเนินการให้อยู่ภายใต้กระบวนการยุติธรรม

LINE ALBUM โปรยข้าวกลางสภา ๒๑๑๑๐๔ 2
ชวน หลีกภัย

บุคคลแห่งปี ที่เป็นผู้ใหญ่ ผู้มีบารมีทางการเมือง

อันดับที่ 1 ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ร้อยละ 48.7 เพราะเป็นผู้อาวุโส พี่ใหญ่ทางการเมืองมืออาชีพ เป็นนักกฎหมายที่ มีความลุ่มลึกและแม่นระเบียบ จึงคุมเกมส์ในสภาได้อย่างละมุนละม่อม สามารถการใช้วาจาที่เชือดเฉือน สยบความวุ่นวายในสภาได้ทุกครั้ง

นายชวน สามารถใช้คำพูดที่นิ่มนวล กำราบ ส.ส. ที่เกเรได้ราบคาบ เพราะอ้างกฎ ระเบียบ และข้อบังคับได้แม่นยำตีความถูกต้องชัดเจน

อันดับที่ 2 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและรองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 32.6 เพราะ ภาพใหญ่ของการเมืองไทย มาจากกลุ่มอิทธิพลทางการเมืองที่หลากหลาย แต่บารมีของพล.อ.ประวิตร ไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เพราะเป็นผู้มีคอนเนคชันหลายระดับ โดยเฉพาะในกองทัพทุกรุ่น การเมืองทุกมุ้ง

จึงไม่แปลกที่ทุกคนยอมรับว่า พล.อ.ประวิตร เป็นผู้มีบารมีทางการเมือง ทั้งในพรรคพลังประชารัฐ และพรรคร่วมรัฐบาล อาจพูดได้ว่า “ประวิตรมา ปัญหาหมด” สยบ กลุ่มเฮี้ยนนักการเมือง จัดการพวกนอกลู่นอกทาง

อันดับที่ 3 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 17.9 เพราะ ภาพจำ มือปราบตงฉิน วีรบุรุษนาแก ที่ยังคงมีผลนำมาใช้ในทางการเมืองทำการเมืองให้สะอาดเป็นของขวัญปีใหม่ถูกใจประชาชนได้

Banthoon Photo
บัณฑูร ล่ำซำ

บุคคลแห่งปี เจ้าสัว นักธุรกิจ ที่ช่วยเหลือสังคม

อันดับที่ 1 ธนินท์ เจียรวนนท์ ร้อยละ 50.6 เพราะเป็นผู้นำทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ ออกมาช่วยเหลือประชาชนช่วงวิกฤติโควิด-19 และวิกฤติเศรษฐกิจในหลายมิติ ทั้งโรงพยาบาลสนาม อุปกรณ์ทางการแพทย์ และการบริหารจัดการวัคซีนและอื่น ๆ และเพราะมีความเชื่อมโยงทางการค้ากับจีนอย่างแนบแน่น จึงทำให้จีนช่วยไทย ทำธุรกิจ ครบวงจร ทั้งค้าปลีก ค้าส่ง และอื่น ๆ ที่ดี

อันดับที่ 2 บัณฑูร ล่ำซำ ร้อยละ 24.6 เพราะเป็นนายทุน นายธนาคาร ที่ช่วยฟื้นฟูสภาพป่า รักษาทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นภาพจำที่ช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่เอารัดเอาเปรียบ และทำงานปิดทองหลังพระ ดูแลสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

อันดับที่ 3 เจริญ สิริวัฒนภักดี ร้อยละ 22.2 เพราะ เป็นผู้นำทางธุรกิจ ที่สนับสนุนการช่วยเหลือสังคมในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ในช่วงวิกฤติความเดือดร้อนของประชาชน สร้างความสมดุลในการแข่งขันทางการค้าให้เป็นทางเลือกของประชาชน และสังคมที่มีการเข้ามาจากทุนต่างชาติและทุนภายในประเทศ

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า บุคคลแห่งปี 2564 ในผลการศึกษาครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าสังคมไทยส่วนใหญ่ ยังเห็นการทำดี ทำประโยชน์ให้สังคมเป็นเรื่องสำคัญ ที่สังคมไทยยังให้การยอมรับ เห็นคุณค่าและยกย่องเชิดชู เห็นได้จาก ยังมีคนดีของสังคม ที่พยายามผลักดัน ช่วยเหลือสังคมในความสามารถของเขาเองในทุกโอกาส

มีคุณหมอที่ ทุ่มเทเสียสละเป็นหลักและที่พึ่งของสังคม ยามที่ประชาชนสับสน ตื่นตระหนกจากโรคระบาดใหม่ มีผู้ใหญ่ใจดีที่คอยดูแล เป็นที่พึ่งแก้ปัญหาปากท้อง หนี้สินนอกระบบ น้ำแ ละที่ดินทำกิน ในภาพรวม เพื่อช่วยให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ใกล้เคียงกัน

มีคนผู้ใหญ่ที่เป็นหลักของบ้านเมือง คอยดูแลความปลอดภัยส่วนรวมและความสงบเรียบร้อยของสังคม มีนักการเมืองที่เป็นผู้ใหญ่และมีบารมีพอ เป็นที่พึ่งสร้างบรรทัดฐานที่ดีและจริยธรรมทางการเมือง และมีเจ้าสัว ที่ได้ประโยชน์จากธุรกิจ ยังพอมีน้ำใจช่วยเหลือเจือจุนสังคมและส่วนรวมในโอกาสต่างๆ

“เชื่อว่าสังคมไทย ยังมีคนดีอีกมากที่ปิดทองหลังพระ ทำดี ทำประโยชน์ให้สังคมและไม่ออกหน้า ซึ่งเราต่างต้องสนับสนุนและให้กำลังใจกันและกัน ไม่ด่าทอ ว่าร้าย เสียดสีกัน เพียงเพราะอคติ การแสดงความคิดเห็นต่างเชิงสร้างสรรค์ ถือเป็นเรื่องดีของสังคมในวิถีประชาธิปไตย ที่เราต่างต้องเดินหน้าพัฒนาสังคมและอยู่ร่วมกันในประเทศอันเป็นที่รักของเราทุกคน”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo