“ไพศาล” จี้รัฐบาลเศรษฐา เร่งรัดกฎหมายงบประมาณ 2567 ยิ่งล่าข้ายิ่งทำบ้านเมืองเสียหาย งบประมาณปีเก่าใช้ได้เฉพาะรายจ่าย แต่นำมาใช้เพื่อพัฒนาไม่ได้
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Paisal Puechmongkol โดยใช้นามปากกา สิริอัญญา เรื่อง งบประมาณปี 2567 อยู่หนใด โดยระบุว่า
ขณะนี้ใกล้จะสิ้นปี 2566 แล้ว ปี 2567 กำลังย่างเข้ามาเยือน แต่สิ่งหนึ่งที่เลือนหายไปกับสายลมจนคนทั้งหลายลืมกันไปแล้ว นั่นคือกฎหมายงบประมาณปี 2567 ซึ่งปกติจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2567
การที่ไม่มีกฎหมายงบประมาณใช้บังคับ ก็หมายความว่า รัฐบาลไม่มีอำนาจใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่าอันเงินแผ่นดินนั้น รัฐบาลจะใช้ได้ก็แต่โดยที่อนุญาตไว้ในกฎหมายงบประมาณ
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องเร่งรัดปฏิบัติการ ให้มีกฎหมายงบประมาณใช้บังคับได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมของปี ก็จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่ติดขัด
แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญก็ได้วางบทยกเว้นไว้ว่า ในกรณีที่กฎหมายงบประมาณยังไม่ใช้บังคับ ก็ให้รัฐบาลสามารถใช้จ่ายเงินได้ตามกฎหมายงบประมาณเก่าไปพลางก่อน ซึ่งหมายความว่าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 รัฐบาลสามารถใช้เงินแผ่นดินได้ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายงบประมาณ 2566 แต่เป็นการใช้ไปพลางก่อน
เรื่องเงินตามกฎหมายงบประมาณเก่าที่นำมาใช้ได้ก็คือ รายจ่ายประจำทั้งหลาย เช่น ค่าเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง บำเหน็จ บำนาญ หรือค่าใช้จ่ายในลักษณะเดียวกันนี้
ส่วนเงินที่จะนำไปใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาทั้งหลาย เมื่อไม่มีกฎหมายงบประมาณบัญญัติไว้ก็ไม่สามารถนำเงินแผ่นดินไปใช้ได้ ซึ่งหมายความว่าเงินที่จะนำไปใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาทั้งหลายทั้งปวง จะไม่สามารถนำไปใช้ได้
เพราะบรรดาการพัฒนาทั้งหลายที่บัญญัติเป็นรายจ่ายไว้ในปีที่ล่วงแล้วก็ได้ทำไปแล้ว และไม่ใช่รายจ่ายประจำต่อเนื่อง จึงนำเงินแผ่นดินไปใช้จ่ายไม่ได้
แต่ทว่าการที่ถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2566 แล้วยังไม่มีกฎหมายงบประมาณ 2567 ใช้บังคับ
จะไปโทษรัฐบาลเศรษฐาก็ไม่ได้ เพราะปกติการจะทำงบประมาณนั้นจะต้องเป็นไปตามปฏิทินงบประมาณ คือต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีก่อน แล้วนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เสร็จแล้วก็เสนอต่อวุฒิสภา เมื่อเสร็จถ้วนกระบวนความแล้ว จึงนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยเป็นกฎหมายงบประมาณ
ซึ่งปกติจะลงในราชกิจจานุเบกษา ในช่วงต้นเดือนหรือกลางเดือนกันยายน ก็จะใช้เงินงบประมาณได้โดยไม่ติดขัด
แต่ปัจจุบันนี้ในขณะที่รัฐบาลเศรษฐาตั้งขึ้น คณะรัฐมนตรียังมิได้พิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณ และยังไม่เข้าสู่กระบวนการของรัฐสภา ดังนั้น เมื่อตั้งรัฐบาลเศรษฐาเสร็จแล้ว จึงมีการนำเรื่องร่างกฎหมายงบประมาณเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรี ซึ่งใกล้จะสิ้นปีงบประมาณ 2566 ไปแล้ว
เป็นผลให้ร่างกฎหมายงบประมาณ 2567 เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร หลังสิ้นปีงบประมาณ 2566 ไปแล้ว และต้องเป็นไปตามกระบวนการร่างกฎหมาย ด้วยเหตุนี้จึงไปโยนความผิดที่ไม่มีกฎหมายงบประมาณใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 แก่รัฐบาลเศรษฐาไม่ได้
มีการคาดกันตั้งแต่รัฐบาลเริ่มจับเรื่องร่างกฎหมายงบประมาณแล้วว่า กฎหมายงบประมาณ 2567 จะล่าช้ากว่าปกติถึง 7 เดือน และอย่างเร็วจะใช้บังคับได้ในเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม 2567 และถ้าใช้บังคับตามนั้นก็หมายความว่ากฎหมายงบประมาณมีช่วงใช้เพียง 6 เดือนเท่านั้น ซึ่งจะเป็นอีกปัญหาหนึ่งในการบริหารแผ่นดิน ซึ่งรัฐบาลเศรษฐาจะต้องให้ความสำคัญ
แต่ทว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญของบ้านเมืองและราษฎรทั้งหลาย มีผลกระทบใหญ่หลวงต่อทั่วทั้งประเทศ รัฐบาลเศรษฐาจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวและไม่รับผิดชอบอะไรเสียเลยก็ย่อมไม่ได้
เพราะในท่ามกลางสถานการณ์อันเดือดร้อนทุกข์เข็ญ และมีความจำเป็นในการบริหารบ้านเมืองถึงปานนี้ รัฐบาลก็ต้องหาวิธีทำให้การพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณเร็วขึ้น เพื่อให้ใช้บังคับเร็วขึ้นได้
เช่น ประสานงานกับทางสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการ ขอให้รวบรัดการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ หรือกำหนดแบบแผนวิธีที่ให้การพิจารณาชั้นนี้เป็นไปโดยรวดเร็ว เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้แล้วเสร็จเร็วขึ้น จากนั้นก็ใช้การประสานงานในลักษณะเดียวกัน ขอความร่วมมือกับวุฒิสภา
เชื่อว่าทุกฝ่ายย่อมเห็นความจำเป็นของบ้านเมืองและจะร่วมมือกัน ทำให้กฎหมายงบประมาณใช้บังคับได้เร็วขึ้นอย่างน้อย 3-4 เดือน
แต่น่าเสียดายนัก ตั้งแต่มีการเริ่มต้นขยับเรื่องงบประมาณ กระบวนการต่าง ๆ ยังดำเนินไปตามปกติเสมือนหนึ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวถึงผลกระทบและความเสียหายจากการที่กฎหมายงบประมาณใช้บังคับช้ากว่าปกติ
ดังนั้น ถึงเวลานี้จะขึ้นปีใหม่แล้ว กระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณก็ยังเดินหน้าไปตามปกติ ยังไม่แล้วเสร็จในชั้นสภาผู้แทนราษฎรและยังไม่ถึงมือวุฒิสภา ซึ่งต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย ดังนั้น ชะดีชะร้ายกฎหมายงบประมาณปี 2567 กว่าจะใช้บังคับได้ก็อาจจะล่วงถึงเดือนเมษายนหรือเดือนพฤษภาคม 2567
เท่ากับว่า 8 เดือนของปีงบประมาณไม่มีกฎหมายงบประมาณใช้บังคับ ต้องใช้กฎหมายงบประมาณเดิมไปพลางก่อน ซึ่งมีข้อจำกัดดังที่ได้กล่าวแล้ว สภาพเช่นนี้ยิ่งนานช้าเท่าใด ความบรรลัยเสียหายก็จะบังเกิดแก่ชาติบ้านเมืองและประชาชนเพียงนั้น
ก็จำต้องกล่าวว่า คนที่มีหน้าที่เรื่องนี้ของรัฐบาล ไม่ค่อยมีน้ำยา แล้วจะว่ากันฉันใด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไพศาล’ ตั้งคำถามประเด็นยื้อแต่งตั้งอธิการบดี ฟาดแรงจัดการไม่ได้ก็ลาออกไป
- ‘สมชัย’ จี้รัฐเร่งการอุปโภค ลงทุนภาครัฐ เร่งรัดงบประมาณประจำปี
- กอ.รมน. แจง ‘งบประมาณ-ภารกิจ’ ไม่ซ้ำซ้อน ไม่ใช่ ‘รัฐซ้อนรัฐ’