Politics

‘ก้าวไกล’ ยอมถอย!! ประกาศดันแคนดิเดต ‘เพื่อไทย’ นั่งนายกรัฐมนตรี

“ชัยธวัช” แถลงเดือด! ฝ่ายอนุรักษ์นิยมขัดขวาง “ก้าวไกล” ไม่ยอมให้ตั้งรัฐบาล ประกาศพร้อมเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ “เพื่อไทย” เป็นนายกรัฐมนตรี หวังหยุดอำนาจขั้วเดิม!

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลต่อจากนี้ ว่า ผลการเลือกตั้งเมื่อ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นการประกาศเจตจำนงที่ชัดเจนว่าประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง ด้วยการลงคะแนนเสียงเลือกพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจนชนะเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 โดยเป้าหมายสูงสุดของเราคือการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้สำเร็จเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเดิม

ก้าวไกล

แต่ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์ทุกอย่างชี้ชัดว่า ทุกองคาพยพของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ทั้งการเมืองจารีต ทุนผูกขาด และสถาบันองค์กรต่าง ๆ ที่เป็นบริวารแวดล้อม ทั้งหมดไม่ยอมให้ก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยเอาเรื่อง ม.112 มาบังหน้า และอ้างความจงรักภักดีมาปะทะกับการเลือกตั้งของประชาชน

นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหว ผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รวมถึง และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อหวังตัดสิทธิ์ทางการเมืองของแกนนำพรรค และยุบพรรคก้าวไกลให้ได้ ด้วยเหตุนี้ ส.ว. ยังสวนมติมหาชน ไม่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามเสียงส่วนใหญ่สภาผู้แทนราษฎร มิหนำซ้ำ ยังกล้าทำลายหลักการตีความข้อบังคับของรัฐสภา ให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เปรียบเสมือนการล้มล้างการปกครองหรือฉีกรัฐธรรมนูญผ่านกฎหมู่ เพื่อต้องการขัดขวางการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในครั้งที่ 2

ก้าวไกล

พรรคก้าวไกล ไม่ยอมรับข้อบังคับดังกล่าว แต่ภายใต้การทำงานที่สอดประสานกันทั้งองคาพยพของฝ่ายอนุรักษณ์นิยมเช่นนี้ เราจำเป็นต้องขอโทษต่อพี่น้องประชาชน และยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า พวกเขาไม่ยอมให้ก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

อย่างไรก็ดี การที่นายพิธา ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ไม่ได้หมายความว่าภารกิจในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อพลิกขั้วอำนาจรัฐบาลจะไม่สำเร็จไปด้วยเป้าหมายสูงสุดยังคงอยู่ นั่นคือการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเดิมให้สำเร็จ

ก้าวไกล

สิ่งสำคัญในวันนี้จึงไม่ใช่เรื่องของคุณพิธา จะได้เป็นนายกฯ หรือไม่ เป้าหมายวันนี้จึงไม่ใช่ พิธา จะได้เป็นนายกฯ หรือไม่ แต่คือเรื่องประเทศไทยจะกลับสู่ประชาธิปไตย ไปได้หรือไม่ หยุดการสืบทอดอำนาจได้หรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ พรรคก้าวไกล จะเปิดโอกาสให้ประเทศให้พรรคอันดับ 2 คือพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลของพันธมิตร 8 พรรค ที่เราได้ทำ MOU ร่วมกันเอาไว้

ก้าวไกล

ดังนั้นในการประชุมรัฐสภาครั้งต่อไป พรรคก้าวไกล จะเสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เช่นเดียวกับที่พรรคเพื่อไทยเคยสนับสนุนพรรคก้าวไกล

เมื่อเสร็จการแถลงสื่อมวลชนได้สอบถามถึงเงื่อนไขการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย โดยชัยธวัช กล่าวว่า หลังจากนี้จะเป็นบทบาทหลักของพรรคเพื่อไทยในการพูดคุยถึงแนวทางการจัดตั้งรัฐบาล ขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทยว่าจะเสนอแคนดิเดตนายกฯ คนไหนในการประชุมรัฐสภาครั้งหน้า พรรคก้าวไกลไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นใครโดยเฉพาะ ขึ้นอยู่กับมติของพรรคเพื่อไทย เราต้องเคารพ

ผู้สื่อข่าวถามถึงจุดยืน “มีลุงไม่มีเรา” พรรคก้าวไกลยังเหมือนเดิมหรือไม่ ชัยธวัชกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นจุดยืนที่ชัดเจนสำหรับพรรคก้าวไกล สิ่งที่เราได้สัญญาพูดคุยต่อพี่น้องประชาชนทั่วประเทศในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เราไม่สามารถเสียสัจจะเรื่องนี้ได้

362239294 851675243188496 4239568863524928469 n

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการประชุมรัฐสภาครั้งต่อไป แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยเสนอแล้วไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาฯ จะถือว่าการเสนอแคนดิเดตคนนั้นจบลงเลยหรือไม่ ชัยธวัช กล่าวว่า จุดยืนของพรรคก้าวไกลไม่ยอมรับการตีความข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 เรายืนยันว่ามติของรัฐสภาในครั้งที่แล้วขัดต่อรัฐธรรมนูญ

เมื่อถูกถามต่อว่า คิดเห็นอย่างไรต่อบทบาทการทำหน้าที่ของ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาในการประชุมรัฐสภาครั้งที่ผ่านมา ชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นข้อถกเถียงกันในสมาชิกรัฐสภา เราเห็นว่าประธานสภาสามารถวินิจฉัยได้ แต่เมื่อมีความเห็นแตกต่างกันเยอะ ประธานสภาอาจเห็นว่าควรให้สมาชิกได้อภิปรายถกเถียงกันอย่างเต็มที่และมีมติร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว หวังว่ารัฐสภาชุดนี้จะไม่มีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่เกี่ยวกับความเชื่อมั่นของประชาชนที่เลือกพรรคก้าวไกล ที่อาจมองว่าพรรคถอย ชัยธวัช กล่าวว่า ไม่กังวล ตอนนี้ไม่ใช่แค่ผู้ที่ลงคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกล แต่ตนกำลังพูดว่าผู้ลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่ที่ให้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล มีส่วนสำคัญ ตนเชื่อว่าคนที่เลือกทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย แม้วันนี้พรรคก้าวไกลจะเป็นไปได้ยากในการเป็นนายกฯ แต่ประชาชนทั้งสองส่วนก็ยังอยากเห็นรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ

ในช่วงท้าย ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดอย่างไรกับคำพูดว่าก้าวไกลต้องเสียสละ ชัยธวัช กล่าวว่า ผมคิดว่าคนที่ไม่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง คนที่ไม่ยอมรับหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยต่างหาก ที่ควรจะมีสำนึกว่าการกระทำแบบนี้จะไม่ส่งผลดีต่อบ้านเมืองในระยะยาว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK