General

‘ผบ.ตร’ เรียกประชุมคลี่คลายคดี ‘แตงโม’ ยันไม่ได้ทำงานล่าช้า ปิดคดีได้แน่นอน!

“พล.ต.อ.สุวัฒน์” เรียกประชุมคลี่คลาย “คดีแตงโม” เตรียมนำเรือลำที่เกิดเหตุไปจำลองอีกครั้งเย็นวันนี้ ยันตำรวจไม่ได้ทำงานล่าช้า ปิดคดีได้แน่นอน!

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายการเสียชีวิตของ “แตงโม” นิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่พลัดตกเรือเสียชีวิตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมี พล.ต.ท.ประจวบ วงษ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ตล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1พล.ต.ต.หญิง ชุติมา ชัยมุกสิก ผบก.พฐ.1

คดีแตงโม

จำลองเหตุการณ์อีกครั้ง

ภายหลังการประชุมประมาณ 2 ชม. พล.ต.ท.ประจวบ ระบุว่า ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมคณะทำงานคลี่คลายคดีมาพบเพื่อรายงานตามข้อสั่งการที่ได้เคยสั่งการไว้แล้ว ซึ่งคณะทำงานของตำรวจภูธรภาค 1 กองบังคับการสืบสวน และตำรวจภูธรนนทบุรี ได้รายงานในหัวข้อที่ ผบ.ตร. ได้สั่งการในหลาย ๆ เรื่อง โดย ผบ.ตร. ได้กำชับให้ดำเนินการทุกอย่างให้รัดกุมรอบคอบ และเร่งรัดติดตามผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ และทางพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งในวันนี้ได้ตอบประเด็นในหลายเรื่องก็ได้เคลียร์ไป

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะนำเรือลำจริงไปทดลองอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบหาพิกัด เวลาที่ได้รับจากจีพีเอสมา เพื่อให้ถูกต้องตามเวลาที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งทางพล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จะเป็นผู้กำหนดว่าจะมีใครลงไปในเรือบ้าง ในเวลาเท่าไหร่ ส่วนจะมีความจำเป็นที่จะต้องเชิญทั้ง 5 คนมาด้วยหรือไม่ทางตำรวจภูธรภาค 1 จะเป็นผู้พิจารณา

แตงโม
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข

ยันตำรวจไม่ได้ทำงานล่าช้า

แต่ในความเป็นจริงก็ไม่จำเป็น เพราะการตรวจพิสูจน์พิกัดตามจีพีเอส รวมถึงเส้นทางต่าง ๆ ความเร็ว จะตรงกันกับแผนที่ หรือความเร็วต่าง ๆ ที่ได้รับจากจีพีเอสความเป็นจริงจะสอดคล้องตรงกันหรือไม่ ซึ่งการตรวจซ้ำจะทำให้ได้ประโยชน์ เพราะจะทำให้เรารู้ กำหนดเวลา สถานที่ ความเร็ว คลื่นของเรือ เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

พล.ต.ท.ประจวบ ยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้ทำงานล่าช้า ทุกฝ่ายที่เห็นทั้ง ผบช.ภ. 1ได้ลงมาทำงานทุกวัน เราทำงานกันทุกวัน แต่บางอย่างก็ต้องอาศัยเวลา ในเรื่องของการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ และการพิสูจน์หลักฐานก็ดี เพื่อให้เกิดความรัดกุมรอบคอบ ทั้งนี้ สามารถเก็บรวบรวมพยานหลักฐานได้พอสมควรที่จะพิสูจน์การคลี่คลายคดีได้ แต่เราต้องรอผลการยืนยันที่ชัดเจนที่จะสามารถพิสูจน์และตอบสังคมได้ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถบิดพริ้วได้ ส่วนการตรวจร่างกายผู้ที่อยู่บนเรือนั้นไม่ได้ล่าช้า ส่วนผลการตรวจเลือดยังไม่ออก กำลังเร่งรัดอยู่

แตงโม

เร่งรัดผลการตรวจพิสูจน์

เมื่อถามว่าปล่อยให้ทั้ง 5 คนกลับบ้านไปก่อนแล้วค่อยมาตรวจเลือดจะล่าช้าไปหรือไม่ พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า เราขอความเห็นจากแพทย์ที่ตรวจเสร็จแล้วว่า ระยะเวลาที่เราตรวจกับการเกิดเหตุ สามารถที่จะนำมาผลการตรวจมายืนยันได้หรือไม่อย่างไร ซึ่งรอแพทย์ยืนยันมาอีกครั้ง

ส่วนการตรวจสอบโทรศัพท์ ทั้ง 5 คนทาง บก.ปอท. ได้รายงานผลการตรวจมาส่วนหนึ่งแล้ว ก็เป็นหลักฐานทางคดีที่เรากำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งขณะนี้ที่ตรวจสอบยังไม่มีความขัดแย้ง ทั้งนี้ทุกอย่างที่ได้รับมาก็จะนำมาประมวลผล ส่วนไหนที่สอดคล้องกันก็เป็นส่วนหนึ่ง ส่วนไหนที่ไม่ไปในทิศทางเดียวกันก็ตรวจสอบให้ละเอียดมากขึ้น เพื่อให้เกิดความชัดเจน

เมื่อถามอีกว่า ตำรวจให้น้ำหนักไปในประเด็นอุบัติเหตุ หรือการฆาตกรรม มากกว่ากัน พล.ต.ท.ประจวบ ยังยืนยันว่า ตำรวจยังคงดำเนินการในทั้ง 2 ส่วน ซึ่งต้องรอผลการตรวจยืนยันจากนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนจะมีการออกหมายจับใครเพิ่มเติมหรือไม่นั้น จะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยก่อน เพราะเป็นหลักฐานที่ชัดเจนและไม่สามารถบิดพลิ้วไปเรื่องอื่นได้ คำให้การนั้นจะบอกอย่างไรก็ได้ แต่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และการพิสูจน์หลักฐานเป็นเรื่องที่ยืนยันชัดเจนที่สุด ซึ่งตำรวจกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่ ถ้าหากได้ผลการตรวจเหล่านี้มาก็จะสามารถตอบคำถามสังคมได้

เมื่อถามว่าคดีนี้พนักงานสอบสวนจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ พล.ต.ท.ประจวบ ระบุว่า ทาง ผบ.ตร.ได้กำชับเร่งรัดมาทั้งการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ และการพิสูจน์หลักฐาน ถ้าได้ส่วนนี้มาก็จะสอดคล้องกับคำให้การและพยานหลักฐานต่าง ๆ พยายามเร่งรัดทำให้เต็มที่ เข้าใจว่าบางอย่างอยู่ในเรือถูกน้ำชำระล้างพัดพาไป บางครั้งการเก็บหลักฐานต่าง ๆ ก็ต้องอาศัยระยะเวลาให้เกิดความชัดเจน

“ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เร่งรัดผลการตรวจพิสูจน์ต่าง ๆ ให้ชัดเจนและนำเรือไปตรวจสอบตามสภาพของความเป็นจริงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจว่าเครื่องจีพีเอสที่ได้รับมาจะสอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่ ทั้งนี้ในที่ประชุมมีการพูดคุยกันถึงสภาพแวดล้อมของสภาพแวดล้อมบนเรือที่เกิดเหตุ บุคคลต่าง ๆ ที่นั่งอยู่ในที่เกิดเหตุว่าได้ดำเนินการอย่างไร และจะหาจุดที่จะทดสอบจากจีพีเอสว่าจะตรงกันหรือไม่ เพื่อประกอบการพิจารณาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร” พล.ต.ท.ประจวบ กล่าว

แตงโม

“ผบ.ตร.” ควบคุมคดีด้วยตัวเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าบางคนมีญาติเป็นตำรวจ จะตอบคำถามกับสังคมอย่างไร พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า เราไม่สามารถไปห้ามใครได้ ว่าใครรู้จักกับใคร ขอยืนยันว่า คดีนี้ ผบ.ตร. ได้ลงมาควบคุมกำกับด้วยตัวเอง ไม่ต้องเป็นห่วงว่าใครจะรู้จักกับใคร เราทำตามหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทำตามหลักฐานที่เราได้รับมาทั้งหมด ขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนที่ช่วยกันค้นหาความจริงให้กับพวกเราด้วย สิ่งใดที่สงสัยและอยากรู้ พวกเราก็จะพยายามค้นหาคำตอบทุกเรื่องให้กับสังคม

ส่วนกรณีที่มีคนในพื้นที่สะพานพระราม 8 นั้นมีการปิดไฟตั้งแต่สามทุ่ม แต่ว่าในรูปหลักฐานของคนบนเรือที่ถ่ายรูปออกมาคือสามทุ่มกว่า ได้มีการตรวจสอบการเปิด-ปิดไฟบนสะพานหรือไม่ พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบกับทางเจ้าท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง

ส่วนเจ้าของอู่เรือจะเรียกมาดำเนินคดีหรือไม่ ที่ให้บุคคลไม่มีใบอนุญาตขับเรือ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ให้ทางพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ใครที่เกี่ยวข้อง หรือทำผิดเราก็ต้องดำเนินการทั้งหมด แต่ต้องรอหลักฐานการตรวจพิสูจน์ตามที่แจ้งให้ทราบ

“อย่าใช้ความรู้สึก จะต้องใช้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ตอบโจทย์สังคมได้ ยืนยันขณะนี้ตำรวจดำเนินคดี 2 คน ใน 2 ข้อหา ส่วนจะแจ้งข้อหาหรือออกหมายจับกับใครเพิ่มเติมหรือไม่นั้นจะต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบก่อน ซึ่งขณะนี้ตำรวจทราบรายละเอียดข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีมากพอสมควรแล้ว” พล.ต.ท.ประจวบ กล่าว

ด้านพล.ต.ท.จิรพัฒน์ ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า เตรียมที่จะนำเรือลำที่เกิดเหตุไปจำลองอีกครั้งในช่วงเย็นของวันนี้ เพื่อดูทิศทางที่ปรากฏตามจีพีเอส และความเร็วในแต่ละช่วงเวลา โดยเฉพาะทิศทางที่เรือวิ่ง การหันหัวเรือไปมา เพื่อดูว่าตรงกับจีพีเอสหรือไม่ ซึ่งวันนี้เป็นการลงพื้นที่เฉพาะ พนักงานสอบสวน และกองพิสูจน์หลักฐาน ไม่นำทั้ง 5 คนที่อยู่บนเรือวันเกิดเหตุไป ทั้งนี้ จะวัดเสียงเครื่องยนต์ด้วย

แตงโม

ปิดคดีนี้ได้แน่นอน!

“การขอขมาเมื่อวานนี้ ไม่มีผลต่อรูปคดีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ยืนยันว่าทำคดีไปตามหลักฐานที่ปรากฎจะทำให้เกิดความเป็นธรรม และความกระจ่าง ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา รับรองว่าไม่มีอิทธิพลจากที่ไหนมาทำให้พนักงานสอบสวนขาดความยุติธรรม ส่วนกระแสข่าวที่มีข้าราชการชุดสีเขียวเข้ามาวิ่งเต้น ตนเองไม่สนใจ ทำงานด้วยความตั้งใจและตรงไปตรงมาโดยตลอด” พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าว

ส่วนการเชิญผู้เชี่ยวชาญ และ นักวิชาการมาให้ความเห็นในคดีดังกล่าว พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า หลายท่านเป็นนักวิชาการ และเป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือ และมีความเชี่ยวชาญ ตำรวจจึงอยากรับฟัง รวมถึงประเด็นที่บอกว่า คนบนเรือยังพูดไม่หมด การตรวจสอบวันนี้จะนำไปเทียบเคียงกับคำให้การของผู้ที่อยู่บนเรือ และพยานหลักฐานที่ตำรวจมีว่าตรงกันหรือไม่ ซึ่งตนไม่ได้บอกว่าคำให้การไม่ตรงกัน แต่ต้องตรวจสอบพยานหลักฐานให้ละเอียด

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า สามารถปิดคดีนี้ได้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคดีอุบัติเหตุตกเรือ หรือ เป็นคดีฆาตกรรม เพราะการตรวจสอบพยานและหลักฐานจะทำให้พบว่าใครมีเหตุผลที่จะปองร้ายหรือไม่

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo