สปสช. เตรียมแผนเสนอ อปสข. เขต 13 กทม. ปรับงบประมาณหมวดบริการสร้างเสริมสุขภาพฯ ทางออกช่วยเพิ่มรายได้ให้กับคลินิกชุมชนอบอุ่น พร้อมพบปัญหาการเบิกจ่ายผิดหมวดหมู่ ทำให้เบิกจ่ายไม่ได้
นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ประธานอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ (อปสข.) เขต 13 กรุงเทพมหานคร, นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมทีมผู้บริหาร ลงพื้นที่รับฟังปัญหาการดำเนินการ ชุมชนอบอุ่นสหคลินิก (เวชกรรมและการแพทย์แผนไทย) ซอยประชาสงเคราะห์ 26 เขตดินแดง กทม. โดยเป็นคลินิกชุมชนอบอุ่นในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ที่ประสบปัญหาจากการจ่ายเงิน Model 5
นพ.จเด็จ กล่าวว่า เท่าที่รับฟังข้อมูลพบว่า ตามกติกาการให้บริการของ สปสช. อาจทำให้คลินิกในระบบฯ ไปเน้นที่การส่งต่อผู้ป่วย และทำให้เกิดตัวเลขของการตามจ่ายผู้ป่วยที่ส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลสูงมาก อย่างเช่นที่ชุมชนอบอุ่นสหคลินิกนี้ มีสัดส่วนของการตามจ่ายผู้ป่วยส่งต่อสูงถึง 70% ของรายได้ ขณะที่สัดส่วนรายได้จากบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคมีเพียง 30% เท่านั้น ทั้งที่ควรมีสัดส่วนที่ 50-60%
ดังนั้น นอกจากการแก้ปัญหาโดยปรับวิธีการจ่ายบริการผู้ป่วยนอกเป็นแบบเหมาจ่ายรายหัว ตามข้อเสนอที่ได้เริ่มไปแล้วนั้น สปสช.จะทำการปรับอัตราการจ่ายค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคด้วย ซึ่งขณะนี้ยังมีเงินเหลืออยู่จำนวนมาก ในการช่วยเพิ่มเติมให้กับคลินิกชุมชนอบอุ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยจะเสนอต่อ อปสข. เขต 13 กทม. พิจารณาก่อน และจะประกาศหลักเกณฑ์ฯ ฉบับใหม่ โดยจะให้ใมีผลจ่ายย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของปัญหาการเบิกจ่ายค่าบริการผู้ป่วยนอก ในวันนี้ยังพบว่ามีบางรายการที่มีการคีย์ข้อมูลเรียกเก็บค่าบริการผิดหมวดหมู่ ทำให้ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ในจุดนี้ สปสช. จะมีคณะทำงานเข้ามาช่วยตรวจสอบรายละเอียดรายการเบิกจ่ายต่าง ๆ ของคลินิกอย่างละเอียด เพื่อให้การเบิกจ่ายเป็นไปอย่างถูกต้อง ซึ่งอาจต้องใช้เวลาสักระยะ แต่เบื้องต้นยืนยันว่า สปสช. จะยังไม่มีการเรียกเก็บเงินคืนในช่วงนี้ จนกว่าจะพิสูจน์จำนวนการเบิกจ่ายที่ถูกต้องก่อน
นางอนงค์ โรจน์กูลชัย ผู้บริหารชุมชนอบอุ่นสหคลินิก กล่าวว่า ชุมชนอบอุ่นสหคลินิกให้บริการมาประมาณ 3 ปี ดูแลประชากรประมาณ 1.2 หมื่นคนโดยรอบ โดยให้บริการทั้งการรักษาพยาบาลและส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
ทั้งนี้ ในแต่ละเดือนมีต้นทุนบริการอยู่ที่ 7 แสนบาท ไม่รวมค่า OT ของบุคลากร ค่าอุปกรณ์และเวชภัณฑ์สิ้นเปลือง และค่าทำการตลาด ซึ่งโดยเฉลี่ยมีรายได้เดือนละ 8-9 แสนบาท นับว่าพออยู่ได้ ที่ผ่านมาได้รับแจ้งจาก สปสช. ว่าจะเรียกเก็บเงินคืนจำนวน 1.9 ล้านบาท หากเป็นเช่นนั้นจริง อาจขายกิจการหรือยุติการให้บริการไป
อย่างไรก็ดี ยอมรับว่า ค่าใช้จ่ายกรณีตามจ่ายผู้ป่วยส่งต่อเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก ประกอบกับรูปแบบการบริหารจัดการที่ไม่สอดคล้อง อาทิ การให้งบเหมาจ่ายคลินิกเป็นแบบปลายปิด ส่วนการจ่ายค่าบริการในการส่งต่อผู้ป่วยเป็นแบบปลายเปิด
ขณะที่ในส่วนการสร้างรายได้เพิ่มจาก บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ก็ไม่ได้ตอบโจทย์ทุกคลินิกเช่นกัน เพราะอย่างที่ชุมชนอบอุ่นสหคลินิกเวชกรรมฯ มีชุมชนที่อยู่ใกล้คลินิกและเป็นชุมชนที่อยู่ติด ๆ กัน ทำให้สามารถทำงานส่งเสริมสุขภาพได้ดี
แต่ในกรณีของคลินิกที่ต้องดูแลพื้นที่ที่มีหมู่บ้านจัดสรรจะทำอย่างไร เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เข้าถึงง่ายหรือยาก แต่ละคลินิกก็มีต้นทุนบุคลากรเท่า ๆ กัน
ดังนั้น จึงอยากให้ สปสช. มองใน 2 มุม อันดับแรกจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอกับต้นทุนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากรก่อน หลังจากนั้นจึงเป็นค่าตอบแทนในการจัดรายบริการหรือเหมาจ่ายก็ได้
ส่วนการปรับรูปแบบการจ่ายจาก Model 5 มาเป็นแบบเหมาจ่ายคงต้องรอดูกันต่อไป แต่คิดว่าสาเหตุที่แท้จริงคือ สปสช.จัดสรรงบประมาณมาไม่เพียงพอ ดังนั้นแม้จะเปลี่ยนมาเป็นแบบเหมาจ่ายก็ไม่ได้แตกต่างกัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สปสช. ขอความร่วมมือ รพ.รับส่งต่อผู้ป่วยบัตรทอง 30 บาทใน กทม. ดูแลผู้ป่วยช่วงเปลี่ยนผ่านใช้เหมาจ่ายรายหัว
- บอร์ด สปสช. เพิ่มประสิทธิภาพฉีดวัคซีนป้องกันโปลิโอเป็น 2 เข็ม ในเด็กแรกเกิด
- บอร์ด สปสช. เคาะเดินหน้า 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เฟส 2
ติดตามเราได้ที่
เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg