General

สธ. เผยโรงงานพลุระเบิด สุพรรณบุรี ดับ 23 ราย เร่งดูแลจิตใจญาติ 4 รายเสี่ยงปัญหาสุขภาพจิต

สธ. เผยโรงงานพลุระเบิด สุพรรณบุรี มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 23 ราย พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้ 20 ร่าง ดูแลเยียวยาจิตใจญาติสายตรงแล้ว 24 ราย พบเสี่ยงปัญหาด้านสุขภาพจิต 4 ราย

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีเกิดเหตุโรงงานพลุระเบิด ที่ตำบลศาลาขาว อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับรายงานข้อมูลเพิ่มเติมจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี ว่า จากการยืนยันโดยญาติที่ทำงานที่โรงงาน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวทั้งสิ้น 23 ราย เป็นชาย 7 ราย หญิง 16 ราย

โรงงานพลุระเบิด

ในจำนวนนี้พบร่างที่สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้ 20 ร่าง ส่วนอีก 3 ราย อยู่ระหว่างทีมนิติเวชของโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราชดำเนินการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล

สำหรับการดูแลเยียวยาจิตใจของครอบครัวผู้เสียชีวิต ได้ส่งทีม MCATT จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช และโรงพยาบาลในเครือข่าย เข้าประเมินอาการและให้การดูแลเยียวยาจิตใจแล้ว โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

กลุ่ม A ญาติสายตรงของผู้เสียชีวิต ได้รับการปฐมพยาบาลทางจิตใจและประเมินสุขภาพจิต จำนวน 24 ราย พบมีอาการโศกเศร้ามาก เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาด้านสุขภาพจิต 4 ราย ซึ่งทั้ง 4 รายได้รับการขึ้นทะเบียนเพื่อติดตามดูแลต่อเนื่องแล้ว

กลุ่ม B ญาติพี่น้องอื่น ๆ จำนวน 12 คน ได้รับการปฐมพยาบาลทางจิตใจและคำแนะนำในการดูแลสุขภาพจิตตนเองและคนรอบข้าง พร้อมช่องทางการขอความช่วยเหลือ

กลุ่ม C คนในชุมชน จำนวน 9 คน ได้ให้คำแนะนำเรื่องการดูแลและให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตเพื่อให้ปรับตัว ปรับใจ และดำเนินชีวิตต่อไปได้

สำหรับแผนปฏิบัติการของทีม MCATT ในวันที่ 18 มกราคม 2567 จะจัดทีม MCATT รวม 12 คน ให้การดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ครอบครัวที่มีความเสี่ยงเกิดปัญหาด้านสุขภาพจิต และมีการประเมินสุขภาพจิตผู้ได้รับผลกระทบในแต่ละกลุ่มเพิ่มเติม

กรณีพบว่ามีความเสี่ยงจะประสานดูแลส่งต่อช่องทางด่วนกลุ่มงานจิตเวช โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช

นอกจากนี้ ได้ประสานทีม MCATT ทุกอำเภอ จำนวน 15 คน พร้อมทีมสนับสนุนจากกรมสุขภาพจิตและสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ 6 คน รวม 21 คน ลงพื้นที่วัดโรงช้าง ตำบลสวนแตง เพื่อดูแลญาติอย่างใกล้ชิดช่วงที่มีการนำร่างผู้เสียชีวิตเข้ามา

ทั้งนี้ คาดว่าผู้ได้รับผลกระทบกลุ่ม A ญาติสายตรง น่าจะมีประมาณ 138 คน หรือประมาณ 6 คนต่อผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้มีการเตรียมทีม MCATT เสริมในช่วงงานสวดพระอภิธรรมด้วย

ในส่วนของแนวทางการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม จะมีการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ เสียง กลิ่น และควัน พร้อมทั้งเฝ้าระวังการปนเปื้อนสารเคมีอันตรายในอาหารและน้ำ ในรัศมี 4 หมื่นตารางเมตร, เฝ้าระวังอาการแพ้พิษหรือสารเคมีในระบบทางเดินหายใจและผิวหนัง, เฝ้าระวังสุขภาพของกลุ่มเปราะบางบริเวณโดยรอบ

ส่วนการจัดการศพผู้เสียชีวิตที่มีการปนเปื้อนของสารเคมีอันตราย ทางศูนย์อนามัยที่ 5 จะเป็นหน่วยรับปฏิบัติ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo