ศูนย์จีโนมฯ เตือน! ไปแอฟริกาต้องระวัง ‘ไวรัสลาสซา’ หลังพบติดเชื้อ 14 ราย เสียชีวิต 1 ราย
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุว่า เตรียมรับมือโรคไข้เลือดออกอันตรายจากไวรัสลาสซา (Lassa-acute hemorrhagic fever) ล่าสุดเกิดการระบาดในประเทศกานา แอฟริกาตะวันตก มีผู้ติดเชื้อ 14 ราย เสียชีวิตแล้ว 1 ราย
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2023 หน่วยงานบริการสุขภาพประเทศกานา (GHS) ได้แถลงยืนยันการระบาดของไวรัสไข้ลาสซาเกิดขึ้นในประเทศจำนวน 14 ราย มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้แล้ว 1 ราย
โรคประจำถิ่นของทวีปแอฟริกา
ไข้ลาสซา (ไข้เลือดออกจากเชื้อไวรัส) เป็นโรคประจำถิ่นของทวีปแอฟริกาในประเทศ เบนิน กานา กินี ไลบีเรีย มาลี เซียร์ราลีโอน และไนจีเรีย
ไข้ลาสซาเกิดจากการติดเชื้อไวรัสลาสซา ซึ่งเป็นไวรัสอาร์เอ็นเอ สายเดี่ยวที่อยู่ในตระกูล Arenaviridae มีระยะฟักตัวระหว่าง 2-21 วัน
ไวรัสไข้ลาสซาส่วนใหญ่พบในแอฟริกาตะวันตก และคาดว่าไข้ลาสซาจะมีการติดต่อสู่ผู้คนประมาณ 100,000 ถึง 300,000 คนต่อปี โดยมีอัตราการเสียชีวิต 1% ในบางพื้นที่อาจสูงถึง 50% ในกรณีที่มีการติดเชื้อรุนแรง
ไข้ลาสซาแพร่กระจายอยู่ในสัตว์ฟันแทะชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “หนูมาสโตมี” ไม่มีหลักฐานว่าเคยพบหนูชนิดนี้ และพบการระบาดของไข้ลาสซาในประเทศไทย
เดินทางไปแอฟริกา ต้องระวังการติดเชื้อ
อย่างไรก็ตาม หากคุณเดินทางไปแอฟริกาตะวันตก หรือสัมผัสกับผู้ที่เป็นโรคไข้ลาสซา คุณควรใช้ความระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ
- ไวรัส ลาสซาติดต่อจากหนูมาสู่มนุษย์ ผ่านการสัมผัสกับอาหารหรือสิ่งของในครัวเรือน ที่ปนเปื้อนปัสสาวะหรืออุจจาระของหนูเหล่านี้
- ไวรัส ลาสซาอาจแพร่ระบาดระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับเลือด ปัสสาวะ อุจจาระ หรือของเหลวในร่างกายอื่นๆ ของผู้ที่ติดเชื้อไข้ลาสซา
- มีรายงานการแพร่เชื้อไวรัสลาสซาผ่านการมีเพศสัมพันธ์
อาการของโรคไข้ลาสซา
อาการเริ่มต้นของไข้ลาสซา อาจมีไข้และอ่อนเพลียทั่วไป ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดหัว เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ไอ และปวดท้องในภายหลัง
ในรายที่เป็นมากอาจมีเลือดออกทางทวารต่างๆ เช่น ปาก จมูก หู ช่องคลอดหรือท้อง อาจเสียชีวิตใน 14 วันหลังจากเริ่มมีอาการ
มียา(ต้านไวรัส)รักษาและได้ผลดีถ้ารับประทานแต่เนิ่นๆ ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้ลาสซา
อาการของโรคไข้ลาสซา โรคมาร์บวร์ก และโรคไวรัสอีโบลาคล้ายคลึงกัน เนื่องจากโรคทั้งสามสามารถทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรง และไข้เลือดออกในคนได้ อาการอาจรวมถึง:
- ไข้
- ปวดศีรษะ
- อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- ความอ่อนแอ
- ความเหนื่อยล้า
- อาเจียน
- ท้องเสีย
- อาการปวดท้อง
- อาการเลือดออก เช่น เลือดออกจากเหงือก จมูก และบริเวณอื่นๆ
- ผื่นที่ผิวหนัง (ในบางกรณี)
ความเป็นไปได้ของการระบาดของไข้ลาสซาในประเทศไทยมีน้อย
เนื่องจากไวรัสส่วนใหญ่ติดต่อผ่านการสัมผัสกับสิ่งขับถ่ายของสัตว์ฟันแทะที่ติดเชื้อ ส่วนใหญ่คือหนูแมสโตมีส นาทาเลนซิส (Mastomys natalensis) ซึ่งไม่พบในประเทศไทย
มีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสมาร์บวร์กในหลายประเทศในแอฟริกากลางและตะวันออก รวมถึงยูกันดา แองโกลา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ความเสี่ยงของการระบาดของไวรัสมาร์บวร์กเข้ามาสู่ประเทศไทยต่ำเช่นกัน เนื่องจากไวรัสจะติดต่อสู่คนผ่านทางค้างคาวกินผลไม้ ซึ่งไม่พบในประเทศไทย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ดร.อนันต์ เผย ‘โนโรไวรัส’ ติดง่าย แพร่กระจายไว ‘เจลแอลกอฮอล์’ ใช้ไม่ได้ผล
- สธ. ยืนยัน ‘วัคซีนโควิด’ ชนิด mRNA ทั้งรุ่นเก่าและใหม่ มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยสูง
- ศูนย์จีโนมฯ เผย รู้จัก ‘รังโรค’ ของไวรัส สิ่งสำคัญเพื่อตัดวงจรการระบาดของ ‘โควิด-มาร์บวร์ก-ไข้หวัดนก’