COVID-19

สธ. ยืนยันประสิทธิภาพ ‘ฟาวิพิราเวียร์’ วอนอย่าด้อยค่า

“สาธารณสุข” ย้ำ “ยาฟาวิพิราเวียร์” มีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง มีอาการดีขึ้น วอนอย่าด้อยค่ายา เหมือนที่เคยทำกับวัคซีนโควิด จนทำให้เสียโอกาสในการรักษามาแล้ว 

วันนี้ (19 มี.ค.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันถึงประโยชน์ของการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า จากการศึกษาเบื้องต้น และจากประสบการณ์การรักษาของแพทย์ พบว่า ยานี้ทำให้ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง รักษาแต่เนิ่น ๆ โอกาสอาการกลับไปรุนแรงก็ลดลง มีการรวบรวมข้อมูล ประเมินมาโดยตลอด จนถึงขณะนี้มีการประชุมพิจารณาไปแล้วกว่า 400 ครั้ง

shutterstock 2005444436

ที่สำคัญยังมีคณะผู้เชี่ยวชาญมาทำวิจัยเรื่องนี้ร่วมกันในทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงสาธารณสุข โรงเรียนแพทย์ ยกตัวอย่าง การศึกษาศูนย์วิจัยทางคลินิก ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราช ได้ร่วมกับสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยวิจัยการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกผู้ป่วย 62 ราย และกลุ่มที่ 2 จำนวน 31 ราย

กลุ่มแรกได้รับยาตามสูตรมาตรฐานปกติที่รักษาผู้ป่วย คือ ขนาด 1,800 มก. วันละ 2 ครั้งในวันที่ 1 ต่อด้วยขนาด 800 มก. วันละ 2 ครั้งในวันต่อมา ส่วนกลุ่มที่ 2 ไม่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ โดยผู้ป่วยในโครงการจะได้รับยาเฉลี่ย 1.7 วัน หลังเริ่มมีอาการป่วย ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มที่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ มีอาการดีขึ้น 79% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์

ดังนั้น 2 กลุ่มนี้ จะเห็นว่าการให้ยาทำให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทำให้คณะผู้วิจัยมีความมั่นใจว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ ทำให้อาการดีขึ้น จึงได้ข้อสรุปว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ที่ให้วันละ 1,800 มก. วันละ 2 ครั้งในวันแรก และต่อด้วยขนาด 800 มก.วันละ 2 ครั้ง ในวันต่อมานานอีก 4 วัน เป็นยาที่ควรเริ่มเร็ว และช่วยลดอาการป่วยกรณีผู้ป่วยอาการไม่รุนแรงได้อย่างมีนัยสำคัญกว่าการไม่รับยา

ที่สำคัญ มีการใช้ยาตัวนี้ รักษาผู้ป่วยไปเป็นล้านคนแล้ว จึงขอยืนยัน ขอให้เชื่อมั่นในยาที่ใช้รักษา ขอความกรุณาอย่าด้อยค่ายาที่รักษา เหมือนที่เคยมีปัญหาด้อยค่าวัคซีน ทำให้หลายคนเสียโอกาสการรับโอกาส บางคนกลัวการรับวัคซีน จนหลายรายน่าเสียใจเสียชีวิตจากการไม่ได้รับวัคซีน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo