ศบค. ย้ำมาตรการเข้ม “เปิดประเทศ” ระยะที่ 1 ยืนยัน เงื่อนไขต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องมาจากประเทศความเสี่ยงต่ำ ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ และต้องมีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบก่อน ถึงจะเดินทางเข้า “พื้นที่สีฟ้า” ได้
วันนี้ (18 ต.ค.) พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยง และพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะ ผู้ช่วยรองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวระหว่างการแถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของไรัสโควิด-19 ประจำวันว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค.ได้หารือกันถึงการเปิดประเทศ ที่นับจากวันนี้ มีเวลาเตรียมตัวเพียง 2 สัปดาห์ก่อนถึงระยะที่ 1 ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564
โดยมีการหารือกับหลายหน่วยงาน นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนที่จะออกแผนการท่องเที่ยวมานานแล้ว มีการหารือ และปรับแผนร่วมกับภาคธุรกิจ สถานประกอบการ ซึ่งอาจไม่มีรูปแบบที่ดีที่สุด หรือสมบูรณ์ที่สุด แต่ต้องมีความเป็นไปได้มากที่สุด ที่จะสามารถดำเนินมาตรการไปได้เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย รวมถึงระบบสาธารณสุขมีความมั่นคง
พญ.สุมณี กล่าวว่า สำหรับการระบุรายชื่อประเทศ หรือเปิดเที่ยวบินนั้น ในข้อเท็จจริงบางประเทศยังไม่ได้อนุญาตให้คนออกนอกประเทศของตัวเอง แต่การเปิดเที่ยวบินเป็นไปเพื่อการอำนวยความสะดวก ให้กับคนไทยในประเทศนั้น ๆ ในการได้เดินทางกลับบ้านได้สะดวกขึ้น แต่ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ มีการวางแผนการเปิดประเทศเป็นระยะ ๆ โดยต้องมีการเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ 3 ด้าน คือ
- สถานการณ์การแพร่ระบาดต้องทรงตัว
- ต้องพิจารณาถึงขีดความสามารถของสาธารณสุขว่า มีความพร้อมทั้งในเรื่องการป้องกัน การควบคุม และการรักษา
- พื้นที่นำร่องสีฟ้า 17 จังหวัด จะต้องมีการครอบคลุมการฉีดวัคซีนได้ไม่น้อยกว่า 70%
ดังนั้น การเปิดประเทศจะต้องค่อยเป็นค่อยไป และต้องทยอยเปิด พร้อมก่อนเปิดก่อน โดยมาตรการหลักต้องอยู่ภายใต้มาตรการโควิดฟรีเซ็ตติ้ง ขณะนี้ อยู่ในระยะนำร่องของการเปิดประเทศ โดยมีการเปิดภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์มาแล้ว ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการที่จะดำเนินการเปิดประเทศในแต่ละจังหวัด ที่เป็นพื้นที่นำร่องสีฟ้าอื่น ๆ ในระยะถัดไป
หลักการของการเปิดประเทศระยะที่ 1 ในวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้ จะต้องมาจากประเทศที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยเดินทางมาทางอากาศ หรือเครื่องบินเท่านั้น
ผู้ที่มาจากต่างประเทศจะต้องได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ตามกำหนด และมีการตรวจ RT-PCR จากต้นทาง เป็นลบ พร้อมทั้งต้องทำประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 ดอลลาร์ และเมื่อเดินทางถึงไทยแล้ว จะต้องตรวจ RT-PCR ซ้ำอีกครั้ง ในสถานที่กักตัวที่กำหนด คือ ASQ , OQ และ โรงแรม SHA+
เมื่อผลเป็นลบแล้ว จึงสามารถเข้าสู่ระบบ ในพื้นที่สีฟ้า หรือพื้นที่นำร่อง ที่ทำโควิด ฟรี เซ็ตติ้ง ไว้อย่างเป็นระบบ ประกอบด้วย ต้องจัดสถานที่ให้มีการไหลเวียนอากาศที่ดี ให้บริการในสถานที่ไม่แออัด
สำหรับผู้ให้บริการจะต้องได้วัคซีนครบสองเข็ม ได้รับการตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ สำหรับผู้รับบริการไม่ว่าชาวไทยหรือชาวต่างประเทศ ก็จะต้องได้รับวัคซีนครบสองเข็ม มีการสุ่มตรวจ ATK 1 สัปดาห์ ก่อนไปใช้บริการ
หากเปิดประเทศแล้ว จะต้องกำกับติดตามอย่างเข้มงวด แผนในการดำเนินการสามารถปรับและชะลอได้ และเน้นย้ำว่า ในการเปิดประเทศประชาชนต้องมีความปลอดภัยและระบบสาธารณสุขมีความมั่นคง ต้องมีการวางแผนที่ดีอย่างรัดกุม และได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ศบค. ยอมรับ ‘โควิดภาคใต้’ น่าเป็นห่วง สั่งตั้งศูนย์บูรณาการ ส่งกรมควบคุมโรคช่วยดูแล
- ‘ธรรศพลฐ์’ จี้รัฐ สร้างความชัดเจน ‘เปิดประเทศ’ เสนอตั้ง ‘กองทุนหมื่นล้าน’ ช่วยอุตฯ ท่องเที่ยว-การบิน
- โพลชี้ ไทยยังไม่พร้อม ‘เปิดประเทศ’ เหตุฉีดวัคซีนต่ำ หวั่นเจอระบาดรอบใหม่