COVID-19

เปิดข้อกังวล ถ้าปล่อยโอไมครอน JN.1 ระบาด หวังสร้างภูมิต้านทานตามธรรมชาติ

ศูนย์จีโนมฯ เผยข้อกังวล หากปล่อยให้ โอไมครอน JN.1 ระบาด เพื่อสร้างภูมิต้านทานตามธรรมชาติ หวั่นคุณสมบัติแพร่ระบาดเร็ว อาจก่อความรุนแรงในกลุ่มเสี่ยง

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics  เรื่อง โควิด-10 อัปเดต หากปล่อยโอไมครอน JN.1 ระบาด โดยระบุว่า

โอไมครอน JN.1 ระบาด

ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสายพันธุ์ โอไมครอน JN.1 กับแนวคิดในการปล่อยให้ไวรัสระบาดเพื่อสร้างภูมิต้านทานตามธรรมชาติอาจฟังดูน่าสนใจ แต่ก็ยังคงมีข้อกังวลและความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึง

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การเกิดขึ้นของสายพันธุ์ โอไมครอน JN.1 ได้สร้างความกังวลให้กับผู้เชี่ยวชาญและกลายเป็นจุดสนใจของสาธารณชน

โอไมครอน JN.1 มีศักยภาพในการแพร่เชื้อที่สูงกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้าอย่างชัดเจน รวมถึงสายพันธุ์โอไมครอนดั้งเดิม (BA.1/BA.2) ที่ครั้งหนึ่งเคยนำไปสู่การพุ่งทะยานของยอดผู้ติดเชื้อ การปรากฏตัวของ โอไมครอน JN.1 เป็นการย้ำเตือนให้เห็นถึงการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องของไวรัสชนิดนี้

เพื่อวัดระดับการแพร่เชื้อ ผู้เชี่ยวชาญใช้ดัชนีที่เรียกว่า ค่า R0 (R-naught) หรือ basic reproduction number คือตัวเลขที่บอกว่าโดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ติดเชื้อ 1 คนจะแพร่เชื้อไปยังกี่คนในกลุ่มประชากรที่ไม่มีภูมิต้านทานโรคเลย

  • ถ้า R0 = 1 หมายความว่า ผู้ติดเชื้อ 1 คน ทำให้คนอื่นติดเชื้อเพิ่มอีก 1 คน
  • ถ้า R0 = 3 แสดงว่า ผู้ติดเชื้อ 1 ราย จะแพร่เชื้อไปยังคนอื่นเฉลี่ย 3 คน
  • หากค่า R0 > 1 โรคจะระบาดขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว แต่ถ้า R0 < 1 การระบาดจะค่อยๆ ซาลง

ค่า R0 ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น คุณสมบัติของเชื้อโรค, ช่องทางการติดต่อ, ระยะเวลาการแพร่เชื้อ และพฤติกรรมของคนในสังคม เป็นต้น

R0 จึงเป็นดัชนีบ่งชี้ศักยภาพการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ และเป็นตัวเลขสำคัญในการวางมาตรการควบคุมโรคระบาดค่อย ๆ ลดลง

4 3

การเปรียบเทียบ R0 ของเชื้อก่อโรคต่าง ๆ

  • โรคหัด ที่ขึ้นชื่อว่าติดต่อง่ายที่สุด มี R0 ราว 12-18
  • ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลมี R0 ประมาณ 1.3 ขณะที่สายพันธุ์รุนแรงอย่างไข้หวัดใหญ่สเปน ปี 1918 มี R0 สูงถึง 1.4-2.8
  • สายพันธุ์ SARS-CoV-2 ดั้งเดิมมี R0 ราว 3-5 สูงกว่าไข้หวัดใหญ่พอสมควร
  • สายพันธุ์แอลฟาและเดลตามี R0 พุ่งขึ้นราว 10
  • โอไมครอนดั้งเดิม (BA.1/BA.2)มี R0 15-20
  • R0 ของ โอมิครอน JN.1 > 20 สะท้อนศักยภาพการระบาดอย่างรวดเร็วหากขาดมาตรการควบคุม และอาจเข้าใกล้ความสามารถในการแพร่เชื้อของโรคหัดซึ่งสูงกว่าไข้หวัดใหญ่มาก

ค่า R0 เหล่านี้ ตอกย้ำถึงการติดต่อที่ง่ายดายขึ้นเป็นอย่างมากของสายพันธุ์ใหม่ โดยเฉพาะ โอไมครอน JN.1 ที่อาจแพร่กระจายคล้ายโรคหัดหากปราศจากการควบคุมอย่างเข้มงวด

ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถของ โอไมครอน JN.1 ในการติดซ้ำในผู้ที่เคยติดเชื้อหรือผ่านการฉีดวัคซีน ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งขึ้น

แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงสะท้อนว่า โอไมครอน JN.1 มีอาการไม่รุนแรงเหมือนโอครอนสายพันธุ์ดั้งเดิมคล้ายไข้หวัดใหญ่ จึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการปล่อย โอไมครอน JN.1 ระบาดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ตามธรรมชาติ แทนการพึ่งวัคซีนที่หลายคนมีความกังวลเรื่องผลข้างเคียง

shutterstock 1742536169

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อพิจารณาสำคัญหลายประการ

1. ถึงอาการโดยรวมอาจไม่หนักสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ โอไมครอน JN.1 ยังคงอาจเป็นอันตรายสำหรับกลุ่มเสี่ยง การป้องกันการแพร่เชื้อในชุมชนจึงยังคงสำคัญ

2. ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันระยะยาวจากการติดเชื้อตามธรรมชาติ บางงานวิจัยชี้ว่าภูมิคุ้มกันอาจลดลงเร็วหลังการติดเชื้อ ดังนั้น การคาดหวังว่าการติดเชื้อจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่ยั่งยืนอาจเป็นความเสี่ยง

3. ผลข้างเคียงรุนแรงจากวัคซีนพบน้อยมากเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่มี หลักฐานเชิงประจักษ์ยังคงยืนยันความสำคัญของวัคซีนในการป้องกันและควบคุมโรค

4. การปล่อยให้ไวรัสระบาดต่อไปอาจนำสู่การกลายพันธุ์ใหม่ที่หลบหลีกภูมิคุ้มกันหรือทำให้ป่วยหนักยิ่งขึ้น การควบคุมการระบาดให้ได้มากที่สุดจะช่วยลดความเสี่ยงนี้

ดังนั้น แม้แนวคิดในการปล่อยให้ไวรัสระบาดเพื่อสร้างภูมิต้านทานตามธรรมชาติอาจฟังดูน่าสนใจ แต่ก็ยังคงมีข้อกังวลและความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึง การใช้แนวทางผสมผสานที่พอเหมาะ ซึ่งรวมถึงมาตรการป้องกันที่หลากหลาย ควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีนในวงกว้าง และการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยและได้ผลมากที่สุดในการจัดการกับ โอไมครอน JN.1 และรับมือกับ COVID-19 สายพันธุ์ต่อไปที่จะระบาดขึ้นในอนาคต

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo