“บิ๊กตู่” สั่งติดตาม “โควิด” อย่างใกล้ชิด แม้ WHO ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินแล้ว แนะประชาชนระมัดระวัง กลุ่มเปราะบางยังต้องฉีดวัคซีน
วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยประชาชนต่อกรณีโควิด – 19 ที่แม้องค์การอนามัยโลกได้ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินไปเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 แต่ยังไม่ได้ประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่น
ยังแนะนำให้ประชาชนระมัดระวังการปฏิบัติตัว และรับวัคซีนป้องกันเพิ่มภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบางตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก
ยุติภาวะฉุกเฉิน แต่ไม่ประกาศเป็นโรคประจำถิ่น
จากข้อมูล ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า มีข้อมูลที่ผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก ดร.ไมค์ ไรอัน กรรมการบริหารโครงการฉุกเฉินด้านสุขภาพขององค์การอนามัยโลก และ ดร.มาเรีย ฟาน เคอร์โคฟ หัวหน้าด้านเทคนิคสำหรับการตอบสนองของโค วิด-19 ประจำองค์การอนามัยโลก ชี้แจงภายหลังองค์การอนามัยโลกได้ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินในวิกฤตโรคนี้ไปเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566
โดยอธิบายไว้ ดังนี้
- ยังไม่สามารถกำจัดไวรัสโคโรนา 2019 ให้หมดไปจากโลก (eradication) หรือหมดไปจากท้องถิ่น (elimination) ได้เพราะโคโรนา 2019 สามารถติดต่อระหว่างสัตว์สู่คน และจากคนกลับสู่สัตว์ (zoonotic infection) จึงยากมากที่จะกำจัดไวรัสที่แพร่ระบาดในสัตว์และข้ามไปมาในคน
- องค์การอนามัยโลกยังถือว่าโค วิด-19 ระบาดทั่วโลก (Pandemic) ยังไม่ใช่โรคประจำถิ่น (Endemic)
- การระบาดของโควิด-19 ยังไม่ใช่โรคที่ระบาดตามฤดูกาล (Seasonal infectious disease) เหมือนไข้หวัดใหญ่ เพราะองค์การอนามัยโลกยังไม่พบรูปแบบการระบาดในแต่ละช่วงของปี ดังนั้น หากไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธุ์เมื่อใด ก็สามารถเกิดการระบาดได้เมื่อนั้นในทุกช่วงของปี
- องค์การอนามัยโลกยังไม่มีข้อมูลพอเพียงในขณะนี้ที่จะกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม หรือความถี่ห่างในการฉีดวัคซีนและเข็มกระตุ้น แต่ยังคงสนับสนุนให้มีการฉีดวัคซีนในกลุ่มเปราะบางเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเมื่อมีการระบาดของโค วิด-19
ทั้งนี้ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ ระบุว่า องค์การอนามัยโลกประกาศภาวะฉุกเฉินสาธารณสุขโลกเกี่ยวกับโค วิด-19 เมื่อเดือนมกราคม 2563 และสิ้นสุดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 จึงถือว่าได้ประกาศภาวะฉุกเฉินสาธารณสุขโลกเป็นระยะเวลาประมาณ 3 ปี
ยังติดตาม-เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
นายกรัฐมนตรีห่วงใยต่อสถานการณ์โควิด – 19 ติดตามสั่งการ ประเมิน คาดการณ์สถานการณ์ และปรับการทำงาน ให้คำแนะนำ อย่างต่อเนื่อง ด้วยความห่วงใยประชาชน ทั้งนี้ แม้ว่าสถานการณ์ในประเทศไทยและในโลกจะดีขึ้นมากแล้วตามลำดับ แต่รัฐบาลไม่ได้ลดความเข้มข้นของการทำงาน เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อวิถีชีวิต ภาวะเศรษฐกิจน้อยที่สุด เพื่อความสุข และความมั่นคงของประชาชนไทยทุกคน
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก เข้ารับวัคซีนเพื่อร่วมกันดูแลกลุ่มเปราะบางในประเทศ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- WHO ยอมรับ ไม่สามารถกำจัด ‘โค วิด’ ให้หมดไปจากโลกได้ และไม่ใช่โรคประจำฤดูกาล แม้ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินแล้วก็ตาม
- ศธ. กำชับโรงเรียน เข้ม ‘มาตรการคุมโค วิด’ รับ ‘เปิดเทอม’ 15 พ.ค.นี้ ประสาน สธ.ใกล้ชิด ป้องกันคลัสเตอร์สถานศึกษา
- WHO เตือน! ‘เอเชียตะวันออกเฉียงใต้’ ติดโค วิด ‘XBB’ 4 สายพันธุ์ เพิ่มขึ้น 666% เสียชีวิตเพิ่มขึ้นกว่า 300%