สธ. เตรียมประชุมเสนอมาตรการป้องกันโควิด 5 มกราคมนี้ รับมือนักท่องเที่ยวจีน ต้องมีประวัติฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม สุ่มตรวจ ATK พร้อมมีประกันสุขภาพ
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า วานนี้ (29 ธ.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เชิญ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา และตน เข้าร่วมประชุมหารือถึงมาตรการรองรับนักท่องเที่ยวจีน ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงต้นเดือน มกราคม 2566
ทั้งนี้ จากการที่มีการประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยกระทรวงการต่างประเทศ รายงานว่า ก่อนที่จะมีการระบาดโควิด-19 ข้อมูลจำนวนผู้เดินทางจากประเทศจีนเข้าประเทศไทย สูงถึงปีละ 10 ล้านคน แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีการจำกัดการเดินทาง
ล่าสุด เมื่อรัฐบาลจีน ประกาศผ่อนคลายมาตรการเดินทางระหว่างประเทศ แต่ยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ จึงคาดการณ์ว่า ระยะแรกจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทย ในลักษณะทยอยเข้ามาในแต่ละเดือน เพราะจะเป็นการเดินทางด้วยตนเอง ไม่ใช่ลักษณะการเดินทางผ่านทัวร์ท่องเที่ยว จึงมีเวลาตั้งตัว
สำหรับตัวเลขที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม คือ จำนวน 6 หมื่นคน 9 หมื่นคน และ 150,000 คน ตามลำดับ หรือประมาณ 5% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในช่วงเวลาเดียวกัน
นพ.โสภณกล่าวว่า ประชากรในประเทศจีน ได้รับวัคซีนป้องกันโควิดในเปอร์เซ็นต์สูง คือ 2 เข็มแล้ว 90% และ 3 เข็ม 58% ซึ่งหากติดเชื้อมักจะป่วยไม่รุนแรง
ขณะเดียวกัน สายพันธุ์โควิดที่ระบาดในประเทศจีน ก็เคยพบในไทย อาทิ สายพันธุ์ย่อยโอไมครอน BA.5 ที่เคยระบาดในประเทศไทยในช่วงเดือน มิถุนายน-พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ขณะที่ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รายงานว่า ปัจจุบันสายพันธุ์หลักที่ระบาดในไทยเป็น BA.2.75 แล้ว ทั้งนี้ สธ.จะได้นำข้อเสนอในที่ประชุมมาพิจารณาปรับเป็นแนวทางเพื่อออกมาตรการที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบทุกมิติ ทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจสังคม และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
ด้าน นพ.กล่าวว่า สำหรับมาตรการที่ สธ.จะเสนอในที่ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวันที่ 5 มกราคม 2566 ประกอบด้วย
1. ผู้เดินทางเข้าประเทศไทยทุกคน จะต้องมีประวัติการรับวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อยคนละ 2 เข็ม
2. ผู้เดินทางทุกสัญชาติที่มีต้นทางมาจากประเทศจีน จะต้องมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษาโรคโควิด-19 ส่วนคนไทยสามารถใช้สิทธิการรักษาในประเทศได้จาก 3 กองทุน คือ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) กองทุนประกันสังคม และ กองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
3. มีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยเอทีเค (ATK) เป็นอย่างน้อย ผลเป็นลบก่อนเดินทางถึงไทย 48 ชั่วโมง และ 4.ขอความร่วมมือผู้เดินทางปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค DMH คือ สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์
ขณะเดียวกัน กรมควบคุมโรคจะปฏิบัติตามแนวทางการดำเนินงานเฝ้าระวัง และค้นหาโรคติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มประชากรเสี่ยง และสถานที่เสี่ยง (Sentinel Surveillance) ด้วยการสุ่มตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ในผู้เดินทางเข้าประเทศ ณ สนามบินระหว่างประเทศ ไปจนถึงการเฝ้าระวังการติดเชื้อในจังหวัดท่องเที่ยว สถานที่เสี่ยงและกลุ่มนักท่องเที่ยว
ส่วนคำแนะนำของประชาชนในประเทศ คือ
1. สวมหน้ากากอนามัย เมื่อเข้าไปในที่ชุมชน หรือสถานที่แออัด
2. กลุ่มเสี่ยง 608 จะต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อยคนละ 4 เข็ม
3. หากมีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ ให้คัดกรองตนเองด้วยเอทีเค กรณีที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการน้อยสามารถรับประทานฟ้าทะลายโจร และยาตามอาการ สังเกตอาการอยู่ที่บ้าน หากมีอาการป่วยปานกลาง สามารถติดต่อสถานพยาบาลเพื่อรับการรักษาในโรงพยาบาลได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอธีระวัฒน์’ บอกเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับโควิด-19 โดยเฉพาะช่วงปีใหม่-หยุดยาว
- หยุด!! พฤติกรรม ‘5 ป.’ เสี่ยงติดเชื้อโควิด 19 สบส. แนะตรวจ ATK ก่อนและหลังปีใหม่
- สหรัฐ ผวาโควิดจีน งัดมาตรการด่วน นักท่องเที่ยวจีนเข้าสหรัฐ ต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบเริ่ม 5 ม.ค. 66