POLITICS-GENERAL

สั่งสอบเอกสาร ‘มีชัย’ หลุด ยัน 8 ก.ย.ไม่วินิจฉัยคดี ‘นายกฯ 8 ปี’

เลขาฯ ศาลรธน. ยันยังไม่วินิจฉัย “นายกฯ 8 ปี” แค่ดูพยานหลักฐาน ปัดตอบเอกสาร “มีชัย” หลุดจริงหรือไม่ พร้อมสั่งสอบแล้ว

ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายเชาวนะ ไตรมาส เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงข่าวถึงกรณีที่นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดพิเศษ เพื่อกำหนดแนวทางพิจารณากรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่หรือไม่

8ปี

โดยนายเชาวนะ กล่าวว่า นับตั้งแต่ศาลได้มีการรับคำร้องกรณีเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ศาลได้มีการพิจารณากระบวนพิจารณามาเป็นลำดับเป็นกระบวนการปกติ การที่ศาลนัดประชุมในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ย.) ไม่ได้เป็นการเร่งเวลา หรือทำให้ช้าลง ยืนยันว่าเป็นไปตามขั้นตอนปกติแม้ว่าจะเป็นคดีที่ศาลให้ความสำคัญ แต่ก็ดำเนินกระบวนพิจารณาตามปกติ ไม่ได้มีการลัดขั้นตอนแต่อย่างใด

“ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าศาลจะประชุมวันพรุ่งนี้ (8 ก.ย.)แล้วจะมีการลงมติและมีการระบุว่ามีเสียงข้างมากข้างน้อยเท่านั้นเท่านี้ เรียนว่าขั้นตอนขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น พรุ่งนี้ (8 ก.ย.) เป็นเพียงการนำพยานหลักฐานที่ศาลได้รับมาพิจารณาว่าเพียงพอที่จะวินิจฉัยหรือไม่ ถ้าไม่พอจะต้องแสวงหาเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งตามที่วิธีที่กฎหมายกำหนดทำได้เช่น การให้บุคคลหรือหน่วยงานของรัฐชี้แจงก็ได้ หรือจะดำเนินกระบวน การไต่สวนก็ได้ ฉะนั้น ที่มีข่าวทำนองว่าหลังจากการพิจารณาในวันพรุ่งนี้แล้ว ก็มีการนัดอ่านคำวินิจฉัยในอีก 15 วัน และมีการกำหนดว่าผลของการพิจารณาจะออกมาเป็นกี่เสียง ยืนยันว่ายังไม่มีเงื่อนไขของการกำหนดวัน และยังไม่ถึงขั้นลงมติ”

ศาลรธน.

นายเชาวนะ ยังกล่าวถึงกรณีหนังสือชี้แจงของนายมีชัย ฤชุพันธ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) หลุดในโลกโซเชียลว่า ไม่ยืนยันว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ แต่ยืนยันว่าประธานศาลรัฐธรรมนูญให้ความสำคัญ และกังวลใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเนื้อหากระทบผู้ให้ความเห็นและพาดพิงไปถึงคู่ความจึงให้สำนักงานมีการติดตามว่าเอกสารมีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร  ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อมีเอกสารรั่วไหลในชั้นธุรการก็จะกำชับให้พึงระมัดระวัง แต่เมื่อมีการรั่วไหลเราก็ต้องเพิ่มความรัดกุมให้มากขึ้น

ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติจะพิจารณาว่ามาตรการของเรามีข้อบกพร่องเช่นไร เพื่อให้เกิดความมั่นใจในกระบวนการพิจารณา เพิ่มความระมัดระวังให้เกิดความรอบคอบและรัดกุม  ยืนยันว่าประธานไม่ได้นิ่งนอนใจ ท่านห่วงใย และรู้สึกเสียใจ จึงให้สำนักงานฯ ระมัดระวัง และดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งจะเอาผิดใครได้หรือไม่จะต้องรอดูผลการตรวจสอบก่อน ส่วนที่ขณะนี้เอกสารชี้แจงของนายกรัฐมนตรีหลุดในโซเชียลอีก ทางสำนักงานยังไม่ทราบ แต่จะพยายามอย่างเต็มที่ควบคุม เมื่อมีเหตุก็จะต้องเพิ่มมาตรการ เพราะท่านประธานห่วงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลภายนอก ส่วนตัวท่านไม่ได้หวั่นไหว และยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้เข้มแข็งมั่นคง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo