POLITICS-GENERAL

‘หมอวรงค์’ เฮ! ศาลอาญายกฟ้องคดีที่ 3 คดี ‘ธนาธร’ ฟ้องหมิ่น

“หมอวรงค์” เฮ! ศาลอาญายกฟ้องคดีที่ 3  หลังถูก “ธนาธร” ฟ้องหมิ่นจะแจ้งความคดี 112 ศาลชี้ไม่เข้าข่ายหมิ่น 

ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.280/2564 ที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เป็นโจทก์ฟ้อง นพ.วรงค์ เดชวิกรมกิจ ประธานพรรคไทยภักดี เป็นจำเลย ในความผิดฐาน “หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา” พร้อมเรียกค่าเสียหาย 24,062,475 บาท

ยกฟ้อง

กรณีระหว่างวันที่ 20 มกราคม – 4 กุมภาพันธ์ 2564  นพ.วรงค์ได้ไลฟ์สดกล่าวทำนองว่า นายธนาธร สนับสนุนเกี่ยวข้องกับปฏิรูปสถาบัน อันเป็นการล้มล้างการปกครอง

โดย นพ.วรงค์ กล่าวก่อนเข้าฟังคำพิพากษาว่า คดีนี้เกิดจากกรณีที่ตนออกมาไลฟ์สดเพื่อจะประกาศจัดตั้งพรรคไทยภักดี ซึ่งมีเป้าหมายในการต่อสู้กับพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า และม็อบ 3 นิ้ว ซึ่งมีการพาดพิงถึงการสนับสนุนขบวนการล้มล้างการปกครอง จนนํามาสู่การฟ้องร้อง 2 คดี คือ คดีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ฟ้องตนฐานหมิ่นประมาท และคดีที่สองคือคดีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ฟ้องหมิ่นประมาทเช่นเดียวกัน  ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกันแต่มีการแยกออกเป็น 2 คดี โดยคดีที่ นายพิธา ฟ้องร้องนั้นศาลพิพากษายกฟ้อง แต่ทราบข่าวว่ามีการอุทธรณ์ แต่วันนี้ที่ตนเดินทางมาคือคดีที่ นายธนาธร ยื่นฟ้องตนเอง

อย่างไรก็ตาม นพ.วรงค์ ระบุว่า ตามประสบการณ์การต่อสู่ด้วยข้อเท็จจริงศาลพิพากษายกคําร้องไปหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการสนับสนุนการล้มล้างการปกครอง ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ที่มีการสืบพยานเป็นเวลานาน ส่วนประเด็นที่เหลืออยู่ตอนนี้คือข้อกล่าวหาที่นายธนาธร ระบุว่า  ตนกล่าวหานายธนาธร ว่าจะถูกดําเนินคดีในความผิดตามมาตรา 112  ซึ่งตนเชื่อมั่นในข้อมูลและพยานหลักฐานรวมถึงมีการเบิกความต่อศาลอย่างชัดเจนไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้จะมีการฟ้องร้องกลับหรือไม่ นพ.วรงค์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเคยฟ้องร้องคดีเดียวคือคดีของ “พิมรี่พาย” เท่านั้น อย่างไรก็ตามคดีในวันนี้ศาลจะพิพากษาอย่างไรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

สำหรับคดีที่นายพิธา หรือพรรคก้าวไกล ผู้ฟ้องร้องตน ศาลได้พิพากษายกฟ้องว่าตนเองว่าไม่ได้มีการหมิ่นประมาท โดยทราบภายหลังว่าพรรคก้าวไกลได้ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งไม่ว่าจะมีคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาจากศาลอย่างไร ยืนยันว่า ในการต่อสู้ที่ผ่านมา เป็นการต่อสู้ในข้อเท็จจริง และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทราบว่าศาลได้ยกคำร้องในหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการสนับสนุนการล้มล้างการปกครองเป็นประเด็นที่ใหญ่ ที่มีการสืบพยานมาอย่างยาวนาน และมีความเชื่อมโยงไปถึงพรรคก้าวไกล ซึ่งตนชนะคดี และศาลตัดคดีส่วนตัวที่เกี่ยวกับนายธนาธรศาลตัดออก จึงเหลือประเด็นแค่ที่ตนเองกล่าวหาว่า นายธนาธรจะถูกดำเนินคดีมาตรา 112

นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ตนเองเชื่อมั่นในข้อมูล และพยานหลักฐานต่างๆ เพราะทุกคำพูดตนเอามาจากสื่อทั้งสิ้น ไม่ใช่สร้างหรือมโนขึ้นมาเอง ตนก็ได้ชี้ให้ศาลเห็นว่า การดำเนินคดีมาตรา 112 เกิดขึ้นจริง และตนได้เป็นพยานในการเบิกความด้วย แต่ศาลจะตัดสินอย่างไร อีกไม่นานก็คงรู้คำตอบ

เมื่อถามว่าหากยกฟ้องจะมีการฟ้องร้องกลับหรือไม่ นพ.วรงค์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ชอบมีคดีความ ชีวิตทางการเมืองก็เคยฟ้องร้องแค่หนึ่งคดี และชนะด้วย เล็กๆ น้อยๆ ถือว่าเป็นการทำบุญ ซึ่งพวกเราเป็นนักการเมือง และบอกว่าเป็นนักประชาธิปไตย จะต้องรับฟัง โดยตนเองก็รับฟังเขามาตลอด อะไรที่ไม่ถูกต้องตนก็ได้ชี้แจง แต่เวลาที่ตนเองแสดงความคิดเห็นบนหลักการ ก็ขอให้รับฟังตนบ้าง ไม่ใช่คอยจะมาฟ้อง

นพ.วรงค์ ยังฝากถึงสังคมด้วยว่า การฟ้องร้องของนายธนาธรได้เรียกค่าเสียหาย 24,062,475 บาท ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวันเปลี่ยนแปลงการปกครองทั้งสิน และมีนัยยะทางการเมือง ฉะนั้นหากจะอ้างว่าเป็นนักประชาธิปไตยที่แท้จริง ก็ต้องรับฟังพวกเรา อะไรที่ถูกหรือผิดก็ต้องไตร่ตรองไม่ใช่การฟ้องกลับ และคนที่มีความเห็นที่ขัดแย้งก็ถูกเขาฟ้องร้องเยอะมาก และเมื่อมีการฟ้องจะต้องมีการวางเงินไม่น้อยกว่า 200,000 บาท ที่ไม่รวมค่าทนาย ซึ่งเขาสูญเสียเงินเยอะมากในการปิดปากประชาชน และถือว่าไม่ใช่ของจริง

ต่อมาศาลอ่านคำพิพากษา โดยพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าข้อความที่จำเลยโพสต์ซึ่งเป็นการแจ้งล่วงหน้าให้ทราบว่าจำเลยจะไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับโจทก์ในความผิดมาตรา 112 ในภายหน้าอันเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายไม่ทำให้ผู้ที่ได้อ่านหรือประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นบุคคลที่เข้าใจไปได้ว่า โจทก์กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อันจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังแต่อย่างใด ข้อความดังกล่าวจึงมิได้มีเนื้อหาหมิ่นประมาทโจทก์ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดความฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พิพากษายกฟ้อง

ภายหลังฟังคำพิพากษานพ.วรงค์ ได้เปิดเผย ว่า วันนี้นายธนาธรไม่ได้เดินทางมาที่ศาลมีเพียงผู้รับมอบอำนาจเดินทางมาเท่านั้น ซึ่งตนชนะคดีหลังจากที่เขาฟ้องเป็นครั้งที่ 3 ตนอยากบอกว่าการที่พวกคุณฟ้องคนอื่น หรือฟ้องประชาชนพร่ำเพรื่อนอกจากจะเสียเงินเยอะแต่ละคดี และเรียกค่าเสียหาย 24,062,475 บาท คนพวกนี้อ่อนประสบการณ์ วันใดที่บริหารประเทศด้วยการอ่อนประสบการณ์แบบนี้จะทำให้ประเทศเสียหายและล่มจม

วันนี้แม้จะเป็นคำพิพากษาศาลชั้นต้น เขามีสิทธิ์ที่จะอุทธรณ์ แต่ตนจะต่อสู้ด้วยข้อเท็จจริงมีพยานหลักฐานไม่ใช่มีเพียงแค่พยานบุคคล และตนถูกฝึกให้พูดความจริง เวลาตนโพสต์ข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดียจะมีเอกสารอ้างอิงหมดซึ่งตนไม่เคยกลัวเพียงแต่เรื่องนี้ทำให้เสียเวลา  นอกจากนี้ขอให้มาพูดคุยกันอย่างลูกผู้ชายไม่ว่าจะผ่านเวทีไหนก็ได้ โดยเฉพาะเรื่องมาตรา 112 ขณะที่ฝากไปถึง ประชาชน ช่วงนี้มีบางพรรคการเมืองปล่อยคลิปวิดีโอรณรงค์เชิญชวนเข้าแคมป์ สร้างเจตนารมณ์ก่อนจะให้มีการไปสมัครวุฒิสภา(สว.) ซึ่งเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ต้องการให้เป็นกลาง ไม่ควรมีพรรคการเมืองเข้าไปยุ่งหรือเชิญชวนเข้าแคมป์ดังกล่าว เพราะมองว่าเป็นการฝักใฝ่และทำให้เจตนารมณ์ของ สว. มีปัญหา 

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo