Digital Economy

ศาลสั่งเพิกถอน ‘ภาคผนวก ข’ แนบท้ายประกาศ กสทช. ‘ไทยคม 7-8’ ขัดต่อคำชี้ขาดอนุญาโตฯ

ศาลปกครองกลาง สั่งเพิกถอนภาคผนวก ข แนบท้ายประกาศ กสทช. ส่วนที่กำหนดให้ข่ายงานดาวเทียมไทยคม 7-8 ใช้งาน เป็นข่ายงานที่มีการใช้งานตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ขัดต่อคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ ที่ระบุ ไทยคม 7-8 ไม่เป็นดาวเทียมภายใต้สัญญาสัมปทาน  

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา  ระหว่าง บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)  บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)  กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้ร้องสอด คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดี ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้เพิกถอนข้อกำหนดในภาคผนวก ข รายละเอียดเกี่ยวกับข่ายงานดาวเทียมที่มีการใช้งานตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ แนบท้ายประกาศ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง แผนการบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม (พ.ศ.2563) ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม และมติของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ในวาระที่ 5.2.11 ในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมของดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8

เพิกถอน

ศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่าในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครองกลาง คณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างผู้ฟ้องคดีทั้งสองกับผู้ร้องสอด ในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 97/2560 หมายเลขแดงที่ 65/2565 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 โดยวินิจฉัยว่า ดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 ไม่เป็นดาวเทียมภายใต้สัญญาสัมปทาน แต่เป็นดาวเทียมที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สามของผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งเป็นการชี้ขาด ข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในการดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ

สำหรับดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 ระหว่างผู้ฟ้องคดีทั้งสองและผู้ร้องสอด โดยคณะอนุญาโตตุลาการแล้ว คำชี้ขาดดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันคู่กรณีจนกว่าศาลที่มีเขตอำนาจจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนหรือบังคับตามคำชี้ขาดดังกล่าว

ดังนั้น ข้อกำหนดในภาคผนวก ข รายละเอียดเกี่ยวกับข่ายงานดาวเทียม ที่มีการใช้งานตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ แนบท้ายประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง แผนการบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม (พ.ศ.2563) ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563

เฉพาะส่วนที่กำหนดให้ข่ายงานดาวเทียม THAICOM-A3 THAICOM-A3B THAICOM-N3 และ THAICOM-Q2 ที่มีการใช้งานโดยดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 เป็นข่ายงานดาวเทียมที่มีการใช้งานตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีได้มีการหารือกับผู้ร้องสอด จึงขัดกับคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังกล่าว และมีผลให้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ฉะนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดี (กสทช.) มีมติในการประชุมครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ในวาระที่ 5.2.11 อนุญาตให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมสำหรับดาวเทียม จำนวน 10 ข่ายงานดาวเทียม ตามภาคผนวก ข ของประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง แผนบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม (พ.ศ.2563) ซึ่งรวม ถึงข่ายงานดาวเทียม THAICOM-A3 THAICOM-A3B THAICOM-N3 และ THAICOM-Q2 ที่มีการใช้งานโดยดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 ในฐานะเป็นผู้มีสิทธิในการดำเนินกิจการตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน

เพิกถอน

พิพากษาให้เพิกถอนภาคผนวก ข รายละเอียดเกี่ยวกับข่ายงานดาวเทียมที่มีการใช้งานตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ แนบท้ายประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการ โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง แผนการบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม (พ.ศ.2563) ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563

ในส่วนที่กำหนดให้ข่ายงานดาวเทียม THAICOM-A3 THAICOM-A3B THAICOM-N3 และ THAICOM-Q2 ที่มีการใช้งานโดยดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 เป็นข่ายงานดาวเทียมที่มีการใช้งานตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศนับตั้งแต่วันที่ประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับ

และเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีในการประชุมครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ในวาระที่ 5.2.11 ในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมของดาวเทียมไทยคม 7 และดาวเทียมไทยคม 8 นับตั้งแต่วันที่มีมติดังกล่าว

สำหรับคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาของศาล ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2564 นั้น ให้มีผลต่อไปจนกว่าคดีถึงที่สุด หรือจนกว่าศาลปกครองสูงสุด จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น คำขออื่น นอกจากนี้ให้ยก

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight