ทราย เจริญปุระ ตอบปมหมอดูทัก ‘ดวงวิญญาณแม่นาก’ จิตผูกพัน เมฆ วินัย เคยบอกให้ไปขอขมา

โดย The Bangkok Insight Editorial Team 25 มีนาคม 2567

ทราย เจริญปุระ ตอบปมหมอดูทัก ‘ดวงวิญญาณแม่นาก’ จิตผูกพัน เมฆ วินัย เคยบอกให้ไปขอขมา เชื่อเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ โชคร้ายที่เป็นพี่เราเท่านั้น

ทราย เจริญปุระ นางเอกคู่ขวัญ คู่บุญกับ เมฆ วินัย ไกรบุตร จากภาพยนตร์ร้อยล้านเรื่อง “นางนาก” เมื่อปี 2542 ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ขณะเดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยและกราบลาพี่ชายคนสนิท โดยเปิดใจเรื่องคำทำนายของ หมอปลาย พรายกระซิบ เมื่อ 2 เดือนก่อนจะสูญเสีย เรื่องผู้ชายผิวสีเข้มจะหมดอายุขัย พร้อมแนะนำให้เขาไปขอขมาย่านาก

“ย้อนไปตอนที่ถ่ายทำก็ไหว้กันเยอะ ถ้าเอาตามตำนานในเรื่องที่ทำทรายจะต้องไปก่อน ถ้าเอาตามเรื่องคนที่ต้องลา คนที่เรียกว่าหมดบุญกันไปในเรื่องก็คือตัวของแม่นาก ทรายว่ามันเป็นจังหวะชีวิตแหละ ความที่ทั้งทรายและพี่เมฆเล่นบทพีเรียด เล่นเป็นคนโบราณเยอะ ชาวบ้านบางระจันก็เล่น เราคิดว่าเราให้ความนับถือ ก่อนจะทำงานเราก็ไหว้ ระลึกถึง แต่ก็ไม่ขนาดที่ว่าเราจะไม่กล้าทำงาน จนไม่สามารถทำงานได้”

“ตอนนี้ทรายว่ามองให้สบายใจดีกว่า ยังไงเจ้าตัวก็ไม่อยู่แล้ว พี่เอ๋ หลาน ๆ คุณแม่ยังอยู่ ทรายว่าถ้าอันนี้มันทำให้คนอยู่ไม่สบายใจ เหมือนเราไปพลาดอะไร พลาดตรงไหน ทรายไม่อยากให้ไปมองมุมนั้น เพราะคนที่ยังอยู่จะคิด แล้วซึ่งมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว อีกส่วนหนึ่งมันเป็นเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ มันเป็นโรคหายากก็ตาม มันมีโอกาสเกิดขึ้น โชคร้ายที่มันเป็นพี่เราเท่านั้น เอาเป็นเรื่อง ๆ ไปตรงนี้ดีกว่า”

โดยครั้งนั้น หมอปลาย บอกว่า “วงการบันเทิงปีนี้ผู้ชายผิวเข้มก็ห่วงมาก แต่เป็นไปตามอายุขัย ไม่ได้มีเรื่องของการทำร้ายตัวเอง ซึ่งมีเหตุอันเป็นเจ้ากรรมนายเวรมามากกว่า ผู้ชายผิวเข้มที่ว่าตอนนี้คือกำลังป่วย ซึ่งอยากให้เขาไปขอขมาแม่นาก และเราเคยเจอพี่เขาตอนยังเด็ก ซึ่งเราก็บอกแล้ว แต่เราก็แค่เด็ก และมันก็เกิดเหตุนี้จริง ๆ”

“ซึ่งสาเหตุที่ต้องไปขอขมาเพราะว่าท่านตามอยู่พักหนึ่ง ตอนที่ปลายทักและเขาก็น่าจะเล่นหนังแม่นากกัน พอเราไปแสดงเป็นคนรักของแม่นาก และเขาอินเพราะเขามาเข้าร่างของผู้หญิงที่เป็นนางเอก มันก็เลย กลายเป็นขู่ว่าอย่าเอาไป”

“ซึ่งการแก้ดวง หรือขอขมาแม่นากนั้นถ้าเขาเป็นศาสนาอื่น ก็สามารถทำศาสนาเขาก็ได้ ในกรณีที่เขาเคร่งมากๆ มันก็ทำไม่ได้ แต่การทำบุญการให้ การไปขอโทษขอขมา ปลายคิดว่ามันเป็นสิ่งดีนะ เพราะทุกศาสนาควรที่จะให้อภัยซึ่งกันและกัน เพียงขอแค่ขอโทษคำเดียว”