Entertainment

เบนซ์-มิค สงสารแม่พบจิตแพทย์ หลอนขึ้นบันไดเลื่อน ชี้ ต้องพูดเดือนนี้เกิดเหตุ 4 คนแล้ว

เบนซ์ พรชิตา – สามี มิค บรมวุฒิ เปิดใจ สงสารแม่ต้องพบจิตแพทย์ หลอนขึ้นบันไดเลื่อน หลังเกิดอุบัติเหตุ ล่าสุด ห้างติดต่อขอโทษ-พร้อมเยียวยา ชี้ ต้องพูดเดือนนี้เกิดเหตุ 4 คนแล้ว

จากกรณีนักแสดงสาวชื่อดัง เบนซ์ พรชิตา ได้โพสต์เล่าเรื่องราวการเกิดอุบัติเหตุของคุณแม่เมื่อ 2 เดือนก่อน ในห้างดัง โดยคุณแม่โดนรถเข็นลากลงจากทางเลื่อน จนศีรษะและหน้ากระแทกได้รับบาดเจ็บ ทางห้างแจ้งว่าจะดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล แต่ผ่านไปนานกว่า 2 เดือนยังไม่ได้รับการเยียวยาใด ๆ จึงมาโพสต์ไว้เป็นอุทาหรณ์และหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการดูแลลูกค้าของทางห้าง

1 เบนซ์ มิค อัปเดตเรื่องแม่ 3

อัปเดตอาการแม่ เบนซ์ พรชิตา แผลทางร่างกายแม่ดีขึ้น แต่สภาพจิตใจต้องพบจิตแพทย์

ล่าสุด (14 ธ.ค.) เบนซ์ พรชิตา และสามี มิค บรมวุฒิ ได้เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมอัปเดตอาการบาดเจ็บของคุณแม่ รวมถึงความคืบหน้าจากทางห้าง

อาการบาดเจ็บของคุณแม่ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?

เบนซ์ : “จริง ๆ แม่หายแล้วนะ คือแผลที่เย็บกับที่เขียว ๆ ม่วง ๆ ที่ขาก็หายหมดแล้ว แต่แค่ว่าหลังจากที่ล้มไปแล้วเหมือนขาแกเดินไม่ค่อยโอเค เหมือนแกเดินไม่เหมือนเดิม จากที่แม่เป็นคนทำอะไรคล่องแคล่ว ถ้าใครเคยเจอแม่จะรู้เลย คือนางเหมือนเด็กขี้เมาท์น่ะ เจอใครก็เธอ ๆ เดินก็ทำอะไรเร็ว ๆ ช่วยเก็บอันนั้นอันนี้ แต่ตอนนี้พอแกล้ม แล้วเหมือนขาแกไม่ได้ดั่งใจ มันช้า มันเจ็บ ตอนแรกก็คิดว่าไม่น่าเป็นอะไรนะ แต่กลายเป็นว่าพอแกทำอะไรไม่ได้อย่างใจคิด เขาก็รู้สึกแย่ แกก็จะหงุดหงิด”

มิค : “เหมือนสภาพจิตใจแกไม่ค่อยดี ถึงขั้นเราต้องพาไปหาจิตแพทย์ปรึกษาเลยนะ จากคนที่เขาเหมือนเป็นที่พึ่งของครอบครัวทุกคน เหมือนอาวุโสที่สุดแล้วที่ยังเหลือในบ้านนี้ หลาน ๆ คนไหนป่วยอยากได้โน่นนี่ยายจะพุ่งไปเลย ตอนนี้แกก็ขับรถได้นะ แต่เหมือนยังไม่ถนัด เพราะสะโพกเขาเจ็บ วันก่อนเพิ่งพาไปกายภาพมาก็เหมือนดีขึ้นหน่อย แต่หมอก็บอกยังต้องกลับมาอีกหลายครั้งเลย เพราะอันนี้เป็นหมอส่วนตัวของมิคเอง เพราะปกติมิคทำครั้งเดียวมิคอยู่ได้หลายเดือนเลย คือหายเลย แต่อันนี้ของคุณยายบอกขออีก 2-3 ครั้งอย่างต่ำ เพราะคุณยายผ่าตัดหลังมาแล้วด้วย จะใช้เครื่องที่ใช้แรงมากก็ไม่ได้ เหมือนสภาพจิตใจกับร่างกายเขามากกว่าที่มันไม่เหมือนเดิม แต่แผลต่าง ๆ โอเคแล้ว”

คุณหมอให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองยังไงบ้าง ?

เบนซ์ : “ตอนนี้ถ้าตามสเต็ปหมอก็คือกินยาค่ะ กินยาคลายเครียด กินยานอนหลับ ถามว่าร่างกายจะกลับมาเหมือนเดิมไหม เรื่องการเดินความคล่องตัวต่าง ๆ เรื่องขาไม่แน่ใจ ต้องลองรักษา”

มิค : “วันก่อนหมอเดินมาพูดเลย บอกว่าคุณต้องพาแม่กลับไปที่เกิดเหตุ ให้เขาไม่กลัว ก็อาจจะทำให้เขาหาย เพราะตอนนี้แค่ขึ้นบันไดเลื่อนเขาก็หลอน ไปซื้อของเขาก็คงไม่กล้าไปซื้ออีกแล้ว กลายเป็นกลัวไปหมด”

เบนซ์ : “จริง ๆ เบนซ์ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องอะไรใหญ่โต คิดว่านางคงนอยด์ไปเองหรือเปล่า คิดว่าเดี๋ยวมันก็หาย แต่พอผ่านไปสักพักมันไม่หาย คือเบนซ์ก็ชอบแหย่นางให้แม่เดิน ให้แม่ลุก เขาก็บอกว่าฉันไม่ไหว”

มิค : “เมื่อก่อนใครที่เคยเจอแม่เบนซ์คือประเภทด่ามาด่ากลับ แต่ทุกวันนี้คือนางสลดคิดดูแล้วกัน ผิดวิสัยมาก นางนั่งยอมให้ลูกว่า ซึมไปเยอะเลย ถามว่าครั้งนี้อุบัติเหตุใหญ่สุดเลยไหม ผ่าหลังใหญ่กว่า แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่มีเอฟเฟกต์กับสภาพจิตใจและร่างกายเขามากที่สุด”

เบนซ์ : “เพราะเขาไม่เคยล้มแบบนี้”

1 เบนซ์ มิค อัปเดตเรื่องแม่ 2

เบนซ์ พรชิตา เคลียร์ห้างแล้ว แจงเหตุต้องฟาด ยันไม่ได้เรียกร้องเงิน แต่นานเกินไป

ล่าสุดทางห้างติดต่อมาแล้ว หลังจากที่เราแชร์เรื่องราวนี้ออกไป ?

เบนซ์ : “ใช่ ๆ ติดต่อมาแล้ว คือเมื่อคืนเบนซ์ลงไอจีไป พอเช้าก็มีข่าวออกไปบ้าง ช่วงสาย ๆ ทางห้างก็โทรมาบอกว่าเห็นข่าวแล้ว เขาก็บอกว่าขอโทษจริง ๆ นะ แต่ก็จะเป็นผู้ใหญ่อีกระดับนึงขึ้นไป ไม่ใช่ผู้จัดการสาขาแล้ว อันนี้จะเหมือนเป็นฝ่ายดูแลลูกค้า เขาก็บอกว่าอยากจะขอโทษ อยากจะมาเยี่ยม เขาบอกว่าจะพยายามดูแลให้ดีที่สุด อยากได้อะไร เดี๋ยวเราคุยกันดีไหมอะไรแบบนี้ คือเสนอมามันก็ดีแหละ แต่เบนซ์ก็ยังไม่ได้คุย ก็อาจจะต้องรออีกสักแป๊บนึง เพราะตอนนี้ป่วยกันทั้งบ้านเลย ก็เกรงใจเขาแหละ ก็เลยคิดว่าสักอาทิตย์หน้ามีเวลาเราคงคุยกันจริง ๆ

ที่เบนซ์ลงไปเบนซ์ไม่ได้คิดว่าจะไปเรียกร้องเอาเงินอะไร แต่พอผ่านไปสักพักนึงก็คิดว่าหรือฉันควรจะต้องเรียกดีวะ (หัวเราะ) เพราะมันเงียบไปนาน ตอนแรกเราก็เข้าใจว่าอาจจะบริษัทใหญ่หรือเปล่า เขาอาจจะต้องมีเวลาอะไรของเขา ก็รอแล้วกัน แต่มันก็ไม่น่าจะนานขนาดนี้ไหม เขาก็คิดว่าเขาอาจจะลืมเราแล้วหรือเปล่า ก็เลยต้องบอกนิดนึง กระตุ้นนิดนึง แต่สิ่งที่เบนซ์ลงจริง ๆ แล้วแม่เบนซ์ก็กระตุ้นว่าให้เบนซ์ต้องลง เพราะเขาพูดกับเบนซ์ว่าถ้าวันนั้นลูกแกอยู่ข้างหน้าฉันน่ะ แล้วรถมันทับหัวลูกแก แกจะทำยังไง เบนซ์ก็มาคิดนะ มันคืออุบัติเหตุแหละ แต่แค่ถ้ามันไม่เกิดจะดีที่สุดเลย

และถ้าอนาคตเป็นไปได้ไม่มีใครเจ็บดีไหมนะ เราก็เลยรู้สึกว่าอย่างน้อยเป็นการกระตุ้นให้ทุก ๆ ห้างที่มีรถเข็นดูแลอุปกรณ์ตัวเองให้มันโอเค จะได้ไม่มีปัญหาอะไร เพราะยุคนี้มันก็มีคนสูงอายุค่อนข้างเยอะนะ ไปซื้อของเอง ทำอะไรเอง บางทีมีครอบครัว มีเด็ก ก็อาจจะไม่ได้ระวังในการหันไปดูข้างหลัง มันอาจจะไหลไปโดนเด็กหรือโดนอะไร เราก็รู้สึกว่ามันก็อาจจะเป็นไปได้ ถ้าเกิดอุปกรณ์นั้น ๆ มันไม่ 100% จริง ๆ”

มิค : “เราก็มานั่งคิดว่าหลาย ๆ ที่ก็ใช้รถเข็นแบบนี้ แต่ถ้าเกิดเราไม่ออกมาพูดมันอาจจะเกิดอุบัติเหตุกับใครหรือร้ายแรงไปกว่านี้ก็ได้ แต่อันนี้อยากจะให้ทุกที่ตรวจ เหมือนเราตรวจลิฟต์แหละ เราก็ต้องดูแลอยู่เรื่อย ๆ มิคก็มานั่งนึกภาพว่าถ้าวันนึงมันเกิดขึ้นกับเรา แล้วน้องปรางหรือน้องเปรมอยู่ในรถเข็นล่ะ แล้วมันร่วงลงไปเลย ลูกเราจะเจ็บขนาดไหน ขอแค่เช็กระบบให้มันดี แล้วก็มีวิธีในการดูแลลูกค้าของคุณทันทีที่มันเกิดอุบัติเหตุ เพราะหลังจากที่เราโพสต์ไปก็มีนักกฎหมายหลายคนเขาส่งมาว่าส่วนใหญ่แล้วห้างเขามีทำประกันไว้เพื่อดูแลผู้บริโภคอยู่แล้ว จริง ๆ มันก็ไม่ควรจะนานขนาดนี้ มันควรจะจบตั้งแต่ 2-3 วันแรกเลย เพราะเขาก็จ่ายประกันของเขาปกติ แต่นี่เราก็รอมา 2 เดือนครึ่ง ก็เลยคิดว่ามันนานไป

แต่มิคไม่ได้โทษองค์กรนะ มิคว่ามันน่าจะเป็นที่บุคคลคนหนึ่งที่ผิดพลาด แล้วก็ลืม คือเขาก็พูดด้วยว่าเขาเพิ่งมารับหน้าที่ไม่นาน แต่เรารู้สึกว่าถ้าคุณมารับหน้าที่ในตำแหน่งผู้จัดการสาขาแล้ว วัยวุฒิ คุณวุฒิ คุณก็ควรจะมีมากพอสำหรับสิ่งที่คุณควรจะทำ ไม่ใช่แค่กับเรานะ คุณควรจะทำกับทุกคนที่เจออุบัติเหตุแบบนี้ นั่นคือสิ่งที่เรากลัวมากกว่า เพราะถ้าเกิดเป็นคนอื่นที่เขารู้สึกว่าเขากลับบ้านเลยแล้วกัน อ้าว เขาต้องเจ็บฟรีเหรอ แต่มิคเชื่อว่าหลังจากเมื่อวานที่ผู้ใหญ่โทรมาคุย อ้าว เขาก็พร้อมรับผิดชอบนี่ แสดงว่ามันเป็นที่บุคคล ไม่ใช่องค์กร”

ทางนั้นเขายื่นข้อเสนอมาอย่างไรบ้าง ?

มิค : “ยังเลย ยังไม่ได้คุยครับ”

เบนซ์ : “คือเรายังไม่ได้คุยกันแบบเจอหน้าค่ะ แต่เมื่อวานนี้เขาก็โทรมาแล้วแหละ ว่าเขาขอโทษ ขอโทษจริง ๆ”

มิค : “เขาก็บอกว่าเหมือนมีการแจ้งมาครั้งนึง เขาก็เข้าใจว่าเรื่องเรียบร้อยแล้ว เหมือนเขาก็ช็อกหน่อยนึงที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเรื่องที่บอกว่ามีผู้ใหญ่มากจะมาเยี่ยม เมื่อวานเราก็ถามไป เขาก็ยังตกใจว่าเกี่ยวอะไร เราถึงได้งงไง คุณเอาอดีตนักการเมืองมาอ้างกับผมทำไม (หัวเราะ) เราก็งง ๆ”

คิดไหมว่าถ้าเราไม่โพสต์เรื่องนี้ลงโซเชียลฯ สุดท้ายแล้วมันจะเงียบ ?

เบนซ์ : “เบนซ์ว่าเงียบ คือโดยปกติเราเป็นคนไม่ชอบทะเลาะกับใคร เพราะจริง ๆ แล้วห้างนี้เป็นห้างที่เราเดินมาตลอด เพราะมันอยู่ข้างบ้าน เราก็ไปห้างนั้นตลอดเลย เมื่อวานนี้เบนซ์ก็พูดกับผู้ใหญ่คนนั้นที่โทรมานะ บอกว่าเบนซ์ไม่อยากมีปัญหาเลย เพราะเรายังรู้สึกว่าตรงนั้นคือบ้านเรา เข้าไปตลอด และทุกคนก็ดูแลเราดีมากเลย แต่เผอิญวันนั้นมันเกิดอุบัติเหตุเท่านั้นแหละ และหลังจากเกิดแล้วไม่รีบมาดูแล เราก็รู้สึกว่าไม่อยากให้มันเป็นอีกแค่นั้นแหละ ก็เลยรู้สึกว่าอย่างน้อยเราออกมาพูด คนอื่นเขาจะได้ไม่โดนเหมือนเรา บางคนอาจจะโชคดีปล่อยรถไปแล้วไม่มีคนข้างหน้า แต่ถ้าวันนั้นแม่เบนซ์ปล่อยรถไป มีอีก 2 คนนะ คือแกไม่ยอมปล่อย เบนซ์ก็ยังถามว่าทำไมไม่ปล่อยรถไปวะยาย ทำไมไม่ปล่อยเลย เขาก็บอกว่าข้างหน้ามันมีคนอยู่ แล้วรถมันหนัก แกให้ฉันปล่อยมันก็ไปทับเขาไง คนแก่เนอะ ก็คิดถึงชาวบ้าน แต่ไม่ได้ดูตัวเอง เราก็เข้าใจนางเนอะ เขาก็กลัวไปทับคนอื่น”

1 เบนซ์ มิค อัปเดตเรื่องแม่ 1

ตอนแรกที่เห็นคุณแม่อาการของท่านดูเป็นอย่างไร ?

เบนซ์ : “ตกใจมาก คือเขาโทรมาหาเราแล้วเขาพูดไม่รู้เรื่อง คืออารมณ์คนตกใจ โทรมาคำแรกบอกว่าแม่ออกมาซื้อของ แล้วตอนนี้หัวแตกเลือดออกหมดเลย อย่าโกรธนะ คือกลัวฉันดุ เพราะนางเพิ่งไปทำบอลลูนมา ก็ไม่อยากให้ตัวเองล้ม เพราะหมอก็บอกว่าอย่ามีแผลนะ เพราะเลือดมันจะออกเยอะ เขาก็กลัวว่าเบนซ์จะดุ เบนซ์ก็เลยบอกว่าเข้าใจแล้ว ยายใจเย็น ๆ ขอคุยกับคนข้าง ๆ ที่พูดรู้เรื่องหน่อย เขาก็เลยอธิบายมาว่าคุณแม่เข็นรถลงมาแล้วล้มหัวแตกค่ะอะไรแบบนี้ เบนซ์ก็รีบไป ตอนเจอหน้าลูกครั้งแรกนางก็ร้องไห้มากอด เขาตกใจ เขาบอกกลัว เลือดมันออกเยอะมาก เขาก็ตกใจเพราะเขาไม่เคยล้มแบบนี้ เขาบอกว่าเลือดมันเข้าตา เพราะมันแตกตรงกลางหน้าผาก มันก็ไหลเยอะ ตอนแรกคิดว่าเบากว่านี้ คิดว่านางก็คงลื่นลงมาเฉย ๆ แต่พอเห็นก็คือเยอะเหมือนกัน เข่าด้วย แล้วมีตรงนิ้วที่ถลอก แล้วก็ตรงหน้าผากแตก คือนางบินลงมาเลยแหละ”

มิค : “คือนางบินลงมาแล้วไม่ยอมปล่อย เพราะกลัวจะไปชนคนข้างหน้า แล้วพอมันลาก หัวเข่าก็เริ่มมีความหนืด มือก็หลุด แต่นางก็ยังจะจับตรงที่เด็กไว้ใช้เหยียบข้างล่างอีก ก็ยังดึงไว้เพื่อไม่ให้รถมันไปชนคนข้างหน้า จากที่จับปกติก็ลงมาจับข้างล่าง แล้วก็ลากไปทั้งตัว คือลงไปนอนเป็นซูเปอร์แมนเลย แล้วพอรถไปชนกับร้านข้างล่าง ตรงที่เด็กใช้เหยียบที่เขาจับน่ะ มันก็เลยฟาดเข้ามาตรงกลางหน้าเลย คือรถมันไม่ล็อกเลยตั้งแต่ต้นทางยันสุดทาง ซึ่งปกติมันควรจะต้องล็อก ปกติคุณแม่ไปซื้อของก็จะมีคนไปด้วยนะ”

เบนซ์ : “เขาไปกับพี่เลี้ยงตลอด คือมีเด็กที่บ้านไปด้วย แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้”

มิค : “ในรถเข็นวันนั้นมันก็มีทั้งน้ำ มีข้าวสาร มันก็หนัก แต่ปกติเราก็ซื้อแบบนี้ทุกครั้งก็ไม่เคยเกิดเหตุ แต่ประเด็นที่เราอยากออกมาพูดเพราะว่าตรงนั้นมีคนมาบอกว่าคุณป้าเป็นคนที่ 4 แล้วของเดือนนี้ แต่คนอื่นอาจจะไม่ได้เจ็บเท่าเรา แต่รถไหลลงมา พอถามเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนทุกคนก็จะพูดเหมือนกันว่าเป็นหลายที่นะ ไม่ใช่แค่ตามห้าง ตรงไหนก็ถามที่เขารถขึ้นแล้วไปควรจะล็อก แต่มันไม่ล็อกมีหลายที่ ก็เลยยอมออกมาพูดเพื่อให้มันปลอดภัยสำหรับทุกคนดีกว่า”

เบนซ์ : “จริง ๆ ที่เบนซ์พูด เบนซ์ไม่ได้อยากจะไปเรียกร้องอะไรกับห้างเลยนะ แต่แค่อยากจะให้เขาดูแลเรื่องล้อรถเข็น เรื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ลูกค้าควรจะต้องใช้ คือรถเข็นปฎิเสธไม่ได้ว่าทุกคนเข้าไปแล้วต้องไปจับมัน แล้วก็ต้องเข็นมันเพื่อไปใส่ของ เพราะฉะนั้นมันควรจะต้องเป็นของที่แข็งแรง ปลอดภัยพอที่จะไม่เกิดปัญหาได้”

มิค : “และอย่างที่เบนซ์บอกว่ายุคนี้เป็นยุคผู้สูงอายุ 60 แล้วเขาก็ยังแข็งแรง อยากออกไปซื้อของเองอะไรเอง แต่เรี่ยวแรงก็ไม่ได้เยอะเท่าพวกเรา ดังนั้นถ้าเขาแข็งแรงพอที่จะขับรถไปซื้อของเองได้ ก็อำนวยความสะดวกให้เขาได้แข็งแรงไปอีกยาว ๆ ดีกว่าไปเจออุบัติเหตุแล้วต้องบาดเจ็บ”

เบนซ์ : “หรือไม่ก็มีพี่พนักงานก็ได้นะ คือบางห้างเขาจะมีพี่พนักงานคอยดูเลยว่าถ้ามีป้าเข็นไป เดี๋ยวผมช่วยอะไรแบบนี้”

มิค : “ห้างนี้ปกติก็เหมือนจะมีนะ แต่ ณ วันนั้นดันไม่มี เพราะบางวันให้คนไปถามเขาก็บอกว่ามี”

เบนซ์ : “ถามว่าต้องห้ามแม่เลยไหม นางหยุดช้อปปิ้งไม่ได้หรอก”

มิค : “ตอนนี้นางสั่งให้ซื้อทุกอย่างที่มันอยู่ชั้นเดียว (หัวเราะ)”

เบนซ์ : “คือจริง ๆ ไปได้แหละ แต่ก็ให้อีกคนนึงช่วยเข็น หรือถ้าแม่ไปคนเดียวก็เรียกพี่พนักงานให้มาช่วยหน่อย เบนซ์ว่าเขาพร้อมช่วยแหละ แต่แค่บางทีเขาก็ไม่รู้ว่าคนไหนอยากเข็นเอง ไม่อยากให้ยุ่งหรือเปล่า ก็ไปเรียกไปบอกเขาดีกว่า ทุกคนก็จะได้สบายใจ”

คลิปจาก NineEntertain Official

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo