Solar Rooftop ได้รับความสนใจมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากกระแสของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทำให้คนหันมาใช้พลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้น
ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ Solar Rooftop มีราคาไม่แพง และมีขั้นตอนการติดตั้งไม่ยุ่งยาก ลองมาดูกันว่า Solar Rooftop นี้เป็นอย่างไร มีกี่ประเภท มีข้อดีอย่างไร และช่วยประหยัดค่าไฟได้เท่าไหร่
Solar Rooftop คืออะไร
ระบบสร้างพลังงานแสงอาทิตย์ ที่นำไปใช้เป็นพลังงานขับเคลื่อนระบบต่าง ๆ ภายในที่อยู่อาศัย อาคาร หรือโรงงานอุตสาหกรรม โดยใช้แทนพลังงานไฟฟ้า เพื่อช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยทั่วไปแล้ว จะเปลี่ยนไฟฟ้ากระแสตรง (Direct Current; DC) ให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternate Current; AC) จากนั้นจะเชื่อมต่อระบบจำหน่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวงหรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยพลังงานแสงอาทิตย์จาก Solar Rooftop จะนำไปขายหรือใช้แทนไฟฟ้าก็ได้ทั้งนั้น
ประเภทของ Solar Rooftop
สำหรับขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้า
การติดตั้ง Solar Rooftop ประเภทนี้จะติดตั้ง เพื่อผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ และส่งขายให้กับการไฟฟ้านครหลวงหรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยต้องติดตั้งมิเตอร์แยกจากมิเตอร์ที่ใช้วัดค่าไฟฟ้าทั่วไป
ทั้งนี้ ราคาของหน่วยวัดค่าไฟก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ ที่สำคัญผู้ติดตั้งระบบ สำหรับผลิตพลังงานและขายให้กับหน่วยงานดังกล่าว จำเป็นต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร
ติดตั้งสำหรับใช้เอง
หากคุณต้องการติดตั้งเพื่อผลิตพลังงานไว้ใช้เอง และลดค่าไฟนั้นก็ทำได้เช่นกัน โดยพลังงานแสงอาทิตย์ จะช่วยทุ่นการใช้พลังงานไฟฟ้า กล่าวคือ เริ่มแรกระบบจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยขับเคลื่อนการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในที่อยู่อาศัยหรือโรงงานอุตสาหกรรม
เมื่อพลังงานแสงอาทิตย์ถูกนำมาใช้จนเกือบหมดแล้ว ระบบจะเปลี่ยนมาเชื่อมต่อและใช้พลังงานไฟฟ้าแทน ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ เพราะทำให้เราจำกัดการใช้ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ยังแบ่งตามที่ใช้งานในปัจจุบันได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
- แบบ On-Grid ใช้พลังงานจากแผงโซลาร์และการไฟฟ้าพร้อมกัน ทำให้หมดปัญหาเรื่องไฟตกหรือไฟกระชาก ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ รวมทั้งใช้ได้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด
- แบบ Off-Grid ผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์ได้ต่างหาก โดยไม่ต้องอาศัยแหล่งกำเนิดไฟฟ้าจากการไฟฟ้า
- แบบ Hybrid มีระบบแบตเตอรี่สำรองใช้งานเมื่อไม่มีแสงอาทิตย์หรือผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ไม่เพียงพอ
ข้อดีของการใช้พลังงานแสงอาทิตย์
ปัจจุบันการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในไทย กำลังได้รับความนิยม และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดยพลังงานแสงอาทิตย์นับเป็นต้นกำเนิดของการพัฒนาพลังสีเขียวอย่างยั่งยืน โดยมีข้อดีดังนี้
1. ลดค่าใช้จ่าย เพราะนำไปใช้แทนไฟฟ้าได้ ซึ่งช่วยลดการใช้ไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้มากกว่าเดิม
2. อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยส่งเสริมเรื่องพลังงานสะอาด และการนำทรัพยากรธรรมชาติกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างยั่งยืน
3. ลดการก่อมลพิษ เมื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยลง จะช่วยลดระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศได้
4. ลดความร้อน การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยลดอุณหภูมิได้ประมาณ 10 องศาเซลเซียส
5. กระตุ้นการใช้พลังงานหมุนเวียน การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ถือเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
6. สร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ชาติ การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ มีส่วนช่วยในการลดหรือชะลอการสร้างโรงงานผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล โรงไฟฟ้าน้ำ และนิวเคลียร์ อันนำไปสู่การบรรเทาและประนีประนอมประเด็นความรุนแรงในสังคม
ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยประหยัดไฟได้เท่าไหร่
ขนาดของแผงโซลาร์ 120 X 60 เซนติเมตร จะมีพื้นที่ 0.72 ตารางเมตร และมีกำลังการผลิตแผงละ 102 วัตต์จะต้องใช้แผงทั้งสิ้นประมาณ 10 แผง ดังนั้น ทุก ๆ 1 กิโลวัตต์ของแผงโซลาร์ จะกินพื้นที่บนหลังคาเท่ากับ 7.2 ตารางเมตร
โดยทั่วไปแผงโซลาร์เซลล์จะผลิตกระแสไฟฟ้าได้ดีที่สุด คือ ช่วง 10.00-15.00 น. ซึ่งเท่ากับว่าช่วงเวลานั้นบ้านที่ติด Solar Rooftop จะได้ใช้ไฟฟรีทันทีโดยตรงผ่าน Inverter
ยกตัวอย่าง เช่น แผงขนาด 3 กิโลวัตต์ จะผลิตไฟฟ้าได้ 4,380 หน่วย/ปี ใช้พื้นที่ติดตั้งประมาณ 20-25 ตารางเมตร ใช้ได้กับ หลอดไฟ 14 วัตต์ 10 ดวง, โทรทัศน์ LED ขนาด 42 นิ้ว 3 เครื่อง, ตู้เย็น 15 คิว 2 เครื่อง, แอร์ 12,000 BTU 2 เครื่อง ช่วยประหยัดไฟได้ถึง 945,295 บาท ใน 25 ปี
แผงขนาด 5 กิโลวัตต์ จะผลิตไฟฟ้าได้ 7,300 หน่วย/ปี ใช้พื้นที่ติดตั้งประมาณ 35-40 ตารางเมตร ใช้ได้กับ หลอดไฟ 14 วัตต์ 20 ดวง, โทรทัศน์ LED ขนาด 42 นิ้ว 5 เครื่อง, ตู้เย็น 15 คิว 3 เครื่อง, แอร์ 12,000 BTU 4 เครื่อง ช่วยประหยัดไฟได้ถึง 1,575,491 บาท ใน 25 ปี
แผงขนาด 10 กิโลวัตต์ จะผลิตไฟฟ้าได้ 14,600 หน่วย/ปี ใช้พื้นที่ติดตั้งประมาณ 70-80 ตารางเมตร ใช้ได้กับ หลอดไฟ 14 วัตต์ 40 ดวง, โทรทัศน์ LED ขนาด 42 นิ้ว 6 เครื่อง, ตู้เย็น 15 คิว 3 เครื่อง, แอร์ 12,000 BTU 6 เครื่อง ช่วยประหยัดไฟได้ถึง 3,150,982 บาท ใน 25 ปี
ติดตั้งด้วยตัวเองอย่างไร
โดยทั่วไปแล้ว การติดตั้งทำได้กับหลังคาหรือกันสาดแทบทุกแบบ เพราะการถ่ายน้ำหนักของแผงโซลาร์บนหลังคาน้อยมาก ซึ่งจะถ่ายน้ำหนักลงบนหลังคาประมาณ 10-12 กิโลกรัม/ตารางเมตร
1. อุปกรณ์สำคัญ
- แผงเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Module)
- โครงรองรับแผง (Mounting Structure)
- ตู้ไฟฟ้า DC BOX และตู้ไฟ AC (MDB Solar to Main Owner)
- เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าแบบเชื่อมต่อระบบจำหน่าย (Grid-tie INVERTER)
2. ข้อควรรู้ก่อนติดตั้ง
- ควรเลือกบริเวณติดตั้งที่แสงเข้าถึงได้ ไม่ถูกเงาบัง
- ควรเลี่ยงติดตั้งบนหลังคาที่ทำจากไม้หรือหลังคาที่ไม่มีคุณสมบัติรองรับได้
- ควรเลี่ยงติดตั้งบนหลังคาที่มีอายุการใช้งานนาน 10 ปี
- ควรเลือกแผงโซลาร์ที่มีการรับประกันคุณภาพนาน 10 ปี
- ควรเลือกโซลาร์อินเวอร์เตอร์ที่มีประกันคุณภาพนาน 5 ปี รวมทั้งมีตัวอินเวอร์เตอร์พร้อมเปลี่ยนให้ทันที
3. ขั้นตอนการติดตั้ง
- จัดเตรียมอุปกรณ์และโครงสร้างสำหรับยึดแผงโซลาร์ โดยเลือกวัสดุที่ทำจากโลหะ กันสนิม รวมทั้งรับน้ำหนักและทานแรงลมได้
- ดูค่าแรงดันไฟฟ้าวงจรเปิดและค่ากระแสไฟฟ้าลัดวงจรของแผงโซลาร์ทุกแผงก่อนติดตั้งและยึดแผงโซลาร์บนโครงสร้าง
- ค่อย ๆ ติดตั้งแผงโซลาร์ตามรายละเอียดในคู่มือ โดยนำหัวต่อต่อเข้ากับแผงโซลาร์
- ติดตั้งตู้รวมสายไฟกระแสตรง อินเวอร์เตอร์ และอุปกรณ์อื่น ๆ ตามคำแนะนำของผู้ผลิตและคู่มือ
- นำสายไฟของแผงโซลาร์มาไว้ที่ตู้รวมสายไฟกระแสตรงทีละวงจร จากนั้นจึงนำสายไฟไปเชื่อมกับแผงโซลาร์ เพื่อเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าและระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์
- นำสายไฟที่เชื่อมไว้ตรงตู้รวมสายไฟกระแสตรงมาเชื่อมต่อกับอินเวอร์เตอร์
- นำสายไฟที่เชื่อมต่ออินเวอร์เตอร์มาที่เบรกเกอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ จากนั้นไล่ปิดวงจรระบบทีละชุดจนครบทุกเบรกกอร์
- ตรวจสอบระบบและค่าต่าง ๆ ให้เป็นไปตามคู่มือ
วิธีดูแลรักษาหลังติดตั้ง
- อ่านคู่มือการใช้งานและการทำความสะอาดแผงโซลาร์ให้ละเอียด
- หมั่นตรวจสอบแผงทำงานว่าเรียบร้อย อยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ มีตรงไหนหลุดหรือเสียหายหรือไม่
- หมั่นตัดเล็มกิ่งไม้ไม่ให้เกยบน Solar Rooftop
- ใช้ผ้าสะอาดหรือโฟมชุบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ปราศจากสารเคมีกัดกร่อนโลหะ มาทำความสะอาดแผงโซลาร์บ้าง
ทั้งนี้ การไฟฟ้านครหลวง (MEA) ส่งเสริมให้ผู้ใช้ไฟฟ้าติดตั้ง Solar Rooftop ภายในบ้านอยู่อาศัย อาคารหรือสถานประกอบการ ในเขตพื้นที่ให้บริการ คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ
ปัจจุบันผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเชื่อมต่อกับ MEA ได้ 2 รูปแบบ ดังนี้
1. การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้ภายในอาคาร
ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทสามารถติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนานกับระบบจำหน่ายไฟฟ้าของ MEA เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ภายในบ้านอยู่อาศัย อาคารหรือสถานประกอบการเป็นหลัก โดยไม่ขายไฟฟ้าให้กับ MEA
ผู้สนใจ สามารถยื่นแบบคำขอเชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าของ MEA ได้ตามวันและเวลาทำการ เพื่อให้พิจารณาตามระเบียบ MEA ว่าด้วย ข้อกำหนดการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า การใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้า และการปฏิบัติการระบบโครงข่ายไฟฟ้า ซึ่งประกาศใช้ ณ ปัจจุบัน ผู้ใช้ไฟฟ้าที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ทุกเขตบริการของ MEA หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
2. การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้ภายในอาคาร และขายส่วนที่เหลือให้ MEA
2.1 โครงการ Solar ภาคประชาชน
การจัดหาไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา ประเภทบ้านอยู่อาศัย โดยต้องเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 ตามประกาศอัตราค่าไฟฟ้าของ MEA ที่ติดตั้งแผงเซลล์ผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา โดยติดตั้งเพื่อใช้เองเป็นหลักและขาย ส่วนที่เหลือให้กับ MEA ในอัตรารับซื้อไฟฟ้า 2.20 บาท/หน่วย มีระยะเวลารับซื้อไฟฟ้า 10 ปี
2.2 โครงการ Solar กลุ่มโรงเรียน สถานศึกษา โรงพยาบาล
การจัดหาไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา สำหรับกลุ่มโรงเรียน สถานศึกษา โรงพยาบาล และสูบน้ำเพื่อการเกษตร (โครงการนำร่อง) พ.ศ. 2564 ที่ติดตั้งแผงเซลล์ผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา โดยติดตั้งเพื่อใช้เองเป็นหลักและขายส่วนที่เหลือให้กับ MEA ในอัตรารับซื้อไฟฟ้า 1 บาท/หน่วย มีระยะเวลารับซื้อไฟฟ้า 10 ปี
ขอบคุณข้อมูลจาก DDproperty
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- OR จับมือ CHPP-GC ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บนทุ่นลอยน้ำ
- ‘บขส.’ จับมือ ‘OR’ ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์
- ปตท. ร่วมมือ Mekha V ลงนามซื้อขายไฟฟ้าโซลาร์รูฟท็อป ใช้ในอาคารพัฒนานิทัศน์ ระยอง