“ซีพีเอฟ” แชร์ยุทธศาสตร์ “CPF’s Journey to Net-Zero SBT” ร่วมลดโลกร้อนบนเวที “2024 Forum Thailand Net Zero Now or Never” ในโอกาสสำนักข่าว The Bangkok Insight ก้าวเข้าสู่ปีที่ 7
นายพีรพงศ์ กรินชัย ผู้บริหารสูงสุด สายงานวิศวกรรมกลาง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมเสวนาในหัวข้อ “Thailand Net Zero Target: Readiness and Challenges” ในงานเสวนา “Thailand Net Zero 2024 – Now or Never” จัดขึ้นโดยสำนักข่าว The Bangkok Insight ในโอกาสฉลองก้าวเข้าสู่ปีที่ 7
นายพีรพงศ์ กล่าวว่า ซีพีเอฟ เป็นผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร ที่มีการลงทุนใน 17 ประเทศ และส่งออกสินค้ามากกว่า 50 ประเทศ เข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลกมากถึง 4,000 ล้านคน
มุ่งสู่เป้าหมาย Net-Zero ภายในปี 2593
ที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นผลิตอาหาร โดยให้ความสำคัญกับเรื่องของอาหารปลอดภัย (Food Safety) และความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) รวมทั้งตระหนักถึงการมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ภายในปี 2593
ทั้งนี้ ซีพีเอฟเป็นบริษัทผลิตอาหารบริษัทแรกในโลก ที่ได้รับอนุมัติเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ หรือ Science Based Target ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐาน Forest ,Land and Agriculture Guidance (FLAG) ซึ่งเป็นมาตรฐานเฉพาะสำหรับภาคเกษตรและอาหาร จากองค์กร The Science Targets initiative (SBTi)
ซีพีเอฟตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คือ เป้าหมายระยะสั้น ภายในปี 2573 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 42% สำหรับ Non-FLAG และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30.3% จากการเปลี่ยนแปลงและการจัดการที่ดิน (FLAG)
ขณะที่เป้าหมายระยะยาว ภายในปี 2593 มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 90% สำหรับ Non-FLAG และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 72% สำหรับ FLAG
สำหรับเส้นทางสู่ Net-Zero หรือ CPF’s Journey to Net-Zero SBT ของซีพีเอฟ ให้ความสำคัญกับการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร ที่เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการผลิตอาหารสัตว์ (Feed) การเลี้ยงสัตว์ (Farm) และการผลิตอาหาร (Food)
เรามีการดำเนินการเรื่องลดก๊าซเรือนกระจกมานานแล้ว สะท้อนได้จากการติดตั้งระบบไบโอแก๊ส (Biogas) ในฟาร์มสุกรและคอมเพล็กซ์ไก่ไข่ สามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองในสถานประกอบการ ช่วยลดกลิ่น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นอกจากนี้ ยังดำเนินโครงการ CPF Coal Free 2022 โดยได้ยกเลิกการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตทั้งหมด สำหรับกิจการในประเทศไทย และเวียดนาม ตั้งแต่ปี 2565 และจะขยายผลไปยังกิจการในต่างประเทศ
ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน-พลังงานทดแทน
ขณะเดียวกัน ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน 31 % ของการใช้พลังงานทั้งหมด ประกอบด้วย พลังงานชีวมวล พลังงานชีวภาพ และพลังงานแสงอาทิตย์ อาทิ ติดตั้ง Solar PV ทั่วทั้งโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์และโรงงานผลิตอาหาร ได้สูงถึง 70 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะได้ 100 เมกะวัตต์ในปี 2568
พร้อมกันนี้ ยังดำเนินการควบคู่กับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนแนวทางเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานใหม่ อาทิ การขนส่งด้วยยานยนต์จากพลังงานไฟฟ้า การก่อสร้างอาคารเขียว การพัฒนาต้นแบบฟาร์ม RE100 หรือ ฟาร์มที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100 % การใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมไปถึง การประกาศนโยบายไม่รับซื้อวัตถุดิบที่มาจากการตัดไม้ทำลายป่า เป็นต้น
บริษัทฯ ยังได้ส่งเสริมการบริโภคอย่างยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์สีเขียว (Green Product) โดยมีผลิตภัณฑ์ที่มีการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์และได้รับการรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 880 รายการ และ อีก 56 รายการเป็นผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำที่ได้รับฉลาดลดโลกร้อนจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.)
อีกโครงการสำคัญคือ การยกระดับความปลอดภัยอาหารมาตรฐานอวกาศ (Space Food Safety Standard) ตอกย้ำมาตรฐานไก่ไทยที่มีความปลอดภัยระดับเดียวกับที่นักบินอวกาศรับประทาน ตามหลักเกณฑ์ความปลอดภัยด้านอาหารขององค์การ NASA
ขณะที่แผนการดำเนินงานในปี 2567 ได้แก่ การสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาตรฐานระดับโลก (World-class Net-Zero Digital Platform) สร้างทีมที่ปรึกษา Climate Action Consultant ภายในของซีพีเอฟให้คำปรึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพระบบไบโอแก๊ส และขยายผลการใช้รถไฟฟ้าในเครือซีพีเอฟ
ความท้าทายย่างก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero
นายพีรพงศ์ ยังได้กล่าวถึง ความท้าทายในการไปสู่เป้าหมาย Net-Zero ของซีพีเอฟว่า ก๊าซเรือนกระจกหลักของอุตสาหกรรมอาหาร ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทาน ตัวอย่างของซีพีเอฟเอง มากกว่า 90% เกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทาน เพียง 8% เท่านั้นที่เกิดในกระบวนการผลิตของเรา
ดังนั้น สิ่งสำคัญจึงต้องสร้างความร่วมมือในการลดก๊าซตลอดห่วงโซ่อุปทาน และต้องใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี แต่ในวิกฤติก็มีโอกาส เนื่องจากมูลสัตว์สามารถเอาเข้าระบบไบโอแก๊ส เกิดเป็นก๊าซมีเทนซึ่งนำไปผลิตกระแสไฟฟ้า
ซีพีเอฟใช้ไบโอแก๊ส บำบัดมูลสุกร มูลไก่ไข่ 100% ด้วยระบบไบโอแก๊ส นำมีเทนที่เกิดขึ้นไปผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในฟาร์มได้มากกว่า 70% สามารถทดแทนการซื้อไฟฟ้าจากกริด อยากให้ขยายไปยังคู่ค้าและเกษตรกรทั่วประเทศ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องของกฎหมายและระบบสาธารณูปโภค
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ปวิช’ รับ net zero ท้าทาย ห่วงอีก 6 ปี นาฬิกาสภาพอากาศนับถอยหลัง
- ปตท. เดินหน้าธุรกิจมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050 เร็วกว่าเป้าหมายประเทศถึง 15 ปี
- ‘ปานปรีย์’ ชี้ ไทยต้อง ‘เปลี่ยนผ่านพลังงาน’ มุ่งสู่ ‘เศรษฐกิจ-สังคม’ สีเขียว บรรลุเป้า Net Zero ปี 2065
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg