CSR

เพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่น 1 ปลูกฝังทักษะใหม่ ฝึก ‘เยาวชนน่าน’ ทำธุรกิจจริง

เพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่น 1 ปลูกฝังทักษะใหม่ ฝึกเยาวชนน่านทำธุรกิจจริง ขับเคลื่อนความยั่งยืนในจังหวัดบ้านเกิด

 มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญา ดำเนินโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่นที่ 1 มุ่งพัฒนานักเรียนมัธยมปลายจาก 8 โรงเรียน ในจังหวัดน่าน ให้ได้เรียนรู้ประสบการณ์ทำธุรกิจจริง ผ่านหลักสูตร 3 แคมป์ ใน 66 วัน จากวิทยากรมืออาชีพและนักธุรกิจตัวจริง ชูความสำเร็จจากพัฒนาการของเยาวชนที่ได้รับทั้งองค์ความรู้ใหม่ มีทักษะใหม่ และได้ประสบการณ์จริงจากการทำธุรกิจทั้งกระบวนการ ผ่านการตั้งบริษัทจำลองพัฒนา 8 สินค้า จากสิ่งที่มีในท้องถิ่น โดยมูลนิธิฯ สนับสนุนเงินทุนเริ่มต้นในการทำธุรกิจ ช่วยให้เยาวชนได้เรียนรู้การเพิ่มมูลค่าให้แก่วัตถุดิบท้องถิ่น พัฒนาสินค้า สร้างแบรนด์ และขายจริง ได้ความรู้และประสบการณ์ที่มีค่าติดตัว เมื่อได้เป็นผู้ประกอบการในชีวิตจริง ช่วยเพิ่มโอกาสแห่งความสำเร็จ และใช้ชีวิตได้อย่างสมดุล รวมถึงสามารถแบ่งปันความรู้และวิธีการให้ชุมชนได้รับโอกาสเดียวกันได้ เพื่อร่วมสร้างความยั่งยืนในจังหวัดบ้านเกิด

เพาะพันธ์

ดร.อดิศวร์ หลายชูไทย กรรมการผู้จัดการ มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญา เปิดเผยว่า มูลนิธิฯ
ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคนผ่านระบบการศึกษาที่เป็นกลไกพื้นฐานทางความคิด ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะลดทอนความเหลื่อมล้ำในสังคมได้โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญาจึงได้ริเริ่มโครงการ เพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่นที่ 1 ภายใต้แนวคิด “66 วันเรียนรู้ชีวิต ทำธุรกิจให้เป็นจริง ที่เสริมสร้างสมรรถนะของนักเรียนให้มีองค์ความรู้ใหม่ ทักษะใหม่ และประสบการณ์ใหม่ ที่แตกต่างจากการเรียนในห้องเรียนผ่านการลงมือปฏิบัติจริง โดยมุ่งหวังให้เยาวชนได้พัฒนาทักษะและเสริมสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต สามารถใช้ชีวิตในบ้านเกิด สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ พัฒนาชุมชน และช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในจังหวัดน่าน

S 172957704

  • การดำเนินโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่นที่ 1 ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 รวม 66 วัน ได้เปิดโอกาสให้เยาวชนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-5 ที่เคยผ่านห้องเรียนเพาะพันธุ์ปัญญา จาก 8 โรงเรียนในเมืองและพื้นที่ห่างไกลของจังหวัดน่าน โรงเรียนละ 5 คน รวม 40 คน ได้เรียนรู้ และลงมือปฏิบัติจริงในการทำธุรกิจผ่านกิจกรรม 3 แคมป์ ได้แก่ แคมป์ที่ 1 “กล้าเรียนปูพื้นฐานสร้างไอเดียธุรกิจ ความเป็นไปได้ และเรียนรู้สิ่งจำเป็นในการทำธุรกิจ แคมป์ที่ 2 “กล้าลุยบุกตลาด ลงมือขาย พบลูกค้าตัวจริง เพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ แคมป์ที่ 3 “กล้าก้าวรายงานและนำเสนอผลประกอบการ โดยเยาวชนได้เรียนรู้องค์ความรู้ใหม่และคุณค่ามิติต่าง ในการทำธุรกิจที่ไม่ได้อยู่ในหลักสูตรการเรียนระดับมัธยมทั่วไป ตั้งแต่วิธีการคิดหาไอเดียที่ตลาดต้องการ การทดสอบผลิตภัณฑ์ในตลาด กระบวนการตั้งราคา การทำแพ็คเก็จ การทำบัญชีธุรกิจ การบริหารจัดการบริษัท การตลาด และกระบวนการเปิดและปิดบริษัท การบริหารคน รวมทั้งมีความเข้าใจคุณค่าของทุนในการทำธุรกิจ และการสร้างผลตอบแทน ซึ่งเยาวชนทั้ง 8 โรงเรียน สามารถนำสิ่งที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาเพิ่มมูลค่าได้อย่างน่าสนใจ ผ่านการเลือกสรรสินค้าหรือวัตถุดิบในพื้นถิ่น พัฒนาเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ สร้าง    แบรนด์เพื่อนำเสนอต่อผู้บริโภค และขยายตลาดวงกว้างมากขึ้น ได้แก่ 

S 172957707

นอกจากความรู้ที่เยาวชนได้เรียนรู้ในภาคทฤษฏี และประสบการณ์จริงจากกูรูในด้านต่างๆ การปฏิบัติจริงผ่านการพัฒนาสินค้าต่าง ของเยาวชนที่ต้องผ่านกระบวนการคิด กระบวนการจัดทำ จนถึงการนำผลิตภัณฑ์มาขายจริง ทำให้เยาวชนเกิดซอฟต์สกิล พัฒนาการและการเรียนรู้ต่างๆ อาทิ

S 172957717

การวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบ จัดตั้งบริษัทจำลองทำธุรกิจตามองค์ความรู้ ควบคู่กับการลงมือปฏิบัติจริงทั้งกระบวนการ ตั้งแต่คิดไอเดียธุรกิจ พัฒนาสินค้า วางแผนงาน ขายสินค้าจริง และรายงานผลประกอบการ รวมทั้งได้เรียนรู้ทักษะการแก้ปัญหา และความมุ่งมั่นที่จะทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย โดยแม้ว่าจะต้องเผชิญอุปสรรค ปัญหา และความท้าทายในกระบวนการทำงานที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกทีมก็ไม่ท้อถอยที่จะหาหนทางคิดวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหา เรียนรู้ในการล้มแล้วลุก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ภายใต้ความท้าทายของระยะเวลาที่จำกัด

อีกทั้งได้เรียนรู้และเห็นความสำคัญของการทำงานเป็นทีม ทั้งการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบตามทักษะความชำนาญของแต่ละคน การไว้วางใจและเชื่อใจกันในทีม การเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลายได้เรียนรู้ที่จะรับฟังและหาจุดร่วมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่มีร่วมกัน

S 172957718

ทั้งนี้ พัฒนาการและการเรียนรู้ต่าง ข้างต้นที่เกิดขึ้นกับเยาวชน ตลอด 66 วัน ทางมูลนิธิฯ ได้ติดตามและประเมินให้คำแนะนำต่อเนื่อง อย่างโปร่งใส และเป็นระบบ ซึ่งพบว่าเยาวชนทุกทีมมีผลลัพธ์พัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยผู้ที่ได้รับผลการประเมินพัฒนาการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ โรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคารจังหวัดน่าน โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม และโรงเรียนปัว นอกจากนี้ ยังมีโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 56 จังหวัดน่าน ที่ได้รับการประเมินว่าเป็นทีมที่ล้มแล้วลุก สามารถปรับตัว แก้ปัญหา และเดินหน้าโครงการได้อย่างต่อเนื่องแม้จะเจออุปสรรคก็ตาม

S 172957715

ดร.อดิศวร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มูลนิธิฯ ไม่ได้มุ่งเน้นคัดเลือกเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการที่เป็นนักเรียนซึ่งมีความเป็นเลิศทางวิชาการ แต่ส่งเสริมเยาวชนที่สนใจจะเป็นผู้ประกอบการ ช่วยให้มีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์จริง ซึ่งจะทำให้เยาวชนสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นนักธุรกิจอนาคตลงได้ และมูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญาขอขอบคุณการสนับสนุนจากโรงเรียนและผู้ปกครอง ที่ไว้วางใจส่งนักเรียนและบุตรหลานเข้าร่วมกิจกรรม และร่วมกันผลักดันให้เยาวชนสามารถดำเนินกิจกรรมจนบรรลุเป้าหมาย จึงนับเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นจาก ผู้ปกครอง โรงเรียน และมูลนิธิฯ ในการทำงานร่วมกัน

S 172957713

ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่สำคัญที่เกิดขึ้นในเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ ไม่ใช่ผลการดำเนินธุรกิจที่วัดได้ด้วยยอดขาย แต่เป็นการที่เยาวชนได้เรียนรู้องค์ความรู้ใหม่ ทักษะ และประสบการณ์ โดยเฉพาะการได้รับโอกาสในการเป็นผู้ประกอบการครั้งแรกในชีวิต ได้ลงมือทำธุรกิจทั้งกระบวนการ สิ่งเหล่านี้ จะเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากในอนาคต และเมื่อได้เป็นผู้ประกอบการจริง ต้องใช้เงินของตัวเองในการทำธุรกิจ อย่างน้อยที่สุดจะได้นำความรู้เหล่านี้ไปใช้ เพิ่มโอกาสแห่งความสำเร็จ และสามารถแบ่งปันความรู้และวิธีการให้ชุมชนได้รับโอกาสเช่นเดียวกันนี้ได้ หรือแม้ว่านักเรียนกลุ่มนี้จะเติบโตไปทำงานในสายอาชีพอื่น เชื่อว่าประสบการณ์และทักษะที่ได้จากแคมป์นี้ จะเป็นประโยชน์ทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิตในอนาคตได้อย่างสมดุล ทั้งหมดนี้ คือ ปรัชญาการทำงานของมูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญาที่จะพัฒนาความรู้และทักษะ ด้วยการสร้างประสบการณ์จริงให้แก่เยาวชนเพื่ออนาคตที่ยังยืน และจะเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโอกาสทางการศึกษาจากประสบการณ์จริง พัฒนาทุนมนุษย์ให้มีสมรรถนะในการพัฒนาและสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศต่อไป

   S 172957714

S 172957706

S 172957712

S 172957709   S 172957711

S 172957708

S 172957710

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo