โลกกำลังเปลี่ยนไป เทคโนโลยีเกิดใหม่ทุกวัน และกำลังเข้ามามีบทบาทต่อภาคธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ จะทำอย่างไรให้ธุรกิจเติบโตโดยถูก Disrupt จากเทคโนโลยีน้อยที่สุด หนทางเดียวที่ต้องทำ คือตั้งรับอย่างเปิดใจ และพัฒนาให้เท่าทันเทคโนโลยี
วันนี้เราเห็นการเปิดจองอสังหาฯผ่านวีธีการที่เรียกว่า Online Booking คือเปิดขายบ้าน-คอนโด ผ่านเว็บไซต์โดยลูกค้าที่สนใจ เข้ามาดูโครงการจากเว็บไซต์ และลงชื่อจองซื้อผ่านเว็บไซต์เลย โดยไม่ได้เดินทางมายังสำนักงานขาย หรือที่ตั้งโครงการ บรรยากาศแบบนี้เกิดขึ้นแล้ว กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย และคงจะพัฒนาก้าวหน้าไปเรื่อยๆ
เรื่องของเทคโลยีก้าวไปข้าง แต่ปรัชญาและเป้าหมายการทำธุรกิจก็ยังคงความสำคัญ การจะเติบโตก้าวสู่ผู้นำตลาดไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การจะรักษาสถานะผู้นำให้คงอยู่ต่อไปนั้นยากยิ่งกว่า จึงทำให้หลายๆ บริษัทมีการวางโรดแมปการเติบโตไว้ชัดเจน
บมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง ก็เช่นเดียวกัน เพราะฐานธุรกิจที่ขยายตัวต่อเนื่องมาหลายปี ทำให้วันนี้ในฐานะผู้นำตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะตลาดทาวน์เฮ้าส์ พฤกษาฯเป็นเบอร์หนึ่ง ครองความเป็นเจ้าตลาด ด้วยวิชั่นของผู้บริหารที่วางรากฐานมาตั้งแต่ การปรับกระบวนการผลิตบ้านในยุคแรกเริ่ม มาจนก้าวสู่ 25 ปีในปี 2561 ผู้บริหารพฤกษาฯบอกว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หากแต่มาจากความมุ่งมั่นพัฒนา เข้าใจธุรกิจและลูกค้า สร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง ทุกองค์ประกอบรวมกัน ทำให้ 25 ปีพฤกษาฯ เป็นก้าวย่างแห่งความสำเร็จ
25 ปีขายกว่า 1,000 โครงการ
จากผลงานพฤกษาฯ ที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และคอนโด ครอบคลุมทุกเซ็กต์เมนต์ ส่งมอบบ้านคุณภาพให้กับลูกค้าในแต่ละปีไม่น้อยกว่า 20,000 ยูนิต และมีจำนวนโครงการที่เปิดขายแล้วกว่า 1,000 โครงการ ถือว่ามีจำนวนโครงการและยูนิตมากที่สุด เป็นอันดับหนึ่งในธุรกิจอสังหาฯ คือส่วนหนึ่งของบทพิสูจน์ความสำเร็จ ซึ่งภายใต้ผลประกอบการที่สวยงามนั้น ประกอบด้วยเป้าหมาย การปรับตัว และการบริหารจัดการที่ลงตัว
“ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เผยว่า 25 ปีที่ผ่านพฤกษาถือว่าประสบความสำเร็จ ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นความสำเร็จที่มาจากจุดเริ่มต้นที่อยากให้คนไทยมีบ้านที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม จึงเริ่มธุรกิจด้วยการพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์โครงการแรก ในชื่อ “บ้านพฤกษา 1” เปิดขายในราคา 3.3 แสนบาท ถูกที่สุดในตลาดขณะนั้น
จากจุดเริ่มต้นนำสู่การพัฒนา พฤกษาฯได้เริ่มนำโนว์ฮาวการก่อสร้างระบบผนังคอนกรีตเสริมเหล็ก จากประเทศฝรั่งเศส เข้ามาใช้ ทำให้สามารถก่อสร้างบ้านเสร็จได้ภายใน 90 วัน หรือ 3 เดือน หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาระบบเรื่อยมาอีก 6-7 ปี จนกระทั่งสามารถก่อสร้างบ้าน 1 หลัง แล้วเสร็จได้ภายใน 30 วัน ด้วยระบบพรีคาสท์
พร้อมกับได้สร้างโรงงานพรีคาสท์ หรือแผ่นผนังคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูป ขึ้นที่ลำลูกา โรงงานที่ 1-5 และที่นวนครโรงงานที่ 6-7 ทำให้การก่อสร้างทำได้รวดเร็วขึ้น และได้คุณภาพที่ดีแข็งแรงทนทาน ส่งมอบบ้านคุณภาพให้ลูกค้า ทำให้รอบการพัฒนาธุรกิจทำได้เร็วขึ้นด้วย
นวัตกรรมก่อสร้างนำการพัฒนา
นวัตกรรมคือหัวใจสำคัญในการพัฒนาธุรกิจ ซีอีโอ พฤกษาฯกล่าวว่า ด้วยนวัตกรรมก่อสร้าง ทำให้พฤกษาฯสร้างบ้านและส่งมอบให้ลูกค้าได้ตามกำหนด สามารถขยายกิจการต่อเนื่องมาจนเป็นบริษัทอสังหาฯ ที่พัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์ออกสู่ตลาดมากที่สุด องค์กรเติบโตต่อเนื่องมีพนักงานกว่า 3,000 คน ในปัจจุบัน ทำให้ขยับขยายสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ “เพิร์ล แบงก์ค็อก” บนถนนพหลโยธิน ใกล้สถานีบีทีเอสอารีย์
สำนักงานแห่งนี้ เป็นอาคารประหยัดพลังงาน ที่ได้รับการรับรองการประเมินอาคารเขียวตามมาตรฐาน LEED Certified Green Building ระดับ Gold มีความสูง 25 ชั้น มูลค่าก่อสร้างกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งการออกแบบตัวอาคาร ได้รับแรงบันดาลใจจาก “ไข่มุกรูปทรงเมล็ดข้าว” (Rice Pearl Dome) และในส่วนของโดมด้านหน้า ได้แนวคิดมาจาก “หอยมุกมา-เบ” (Ma -Be Pearl) ที่มีลักษณะทรงกลมครึ่งซีก
อาคารสำนักงานงานใหม่ เป็นแหล่งรวมพนักงานของพฤกษาฯทั้งหมด และเป็นสำนักงานใหญ่ ที่จะเป็นพื้นที่ให้บริการลูกค้าได้อย่างสะดวกครบวงจร มีสถาบันการเงิน 7 แห่ง เปิดบริการอยู่ในอาคาร และมีจุดให้บริการลูกค้า Pruksa Open Home ศูนย์บริการลูกค้าครบวงจร ตั้งแต่จองจนถึงยื่นขอสินเชื่อ
จากวันนี้ที่พฤกษาฯประสบความสำเร็จ ยังคงเดินหน้าสร้างโครงการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ 1 แสนล้านบาท จะทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากบริษัทได้ปรับโครงสร้าง และมีทีมผู้บริหารแต่ละสายงานแบ่งความรับผิดชอบกันชัดเจน
“ทุกวันนี้ ผมเข้าออฟฟิศ สัปดาห์ละ 2 หรือ 3 วัน แล้วแต่ว่าวันไหนมีประชุม แต่งานรูทีนก็จะมีผู้บริหารหลัก คุณสุพัตรา และ 3 ซีอีโอเขาดำเนินการไป” บิ๊กบอสส์พฤกษา ย้ำ
วางตัว 3 ซีอีโอแบ่งสายรับผิดชอบ
3 ซีอีโอมืออาชีพ และรองซีอีโอกลุ่ม ที่ได้รับการวางตัวเป็นทีมบริหารดังกล่าว ประกอบด้วย
- นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
- นายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษาเรียลเอสเตท-ทาวน์เฮ้าส์
- นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มพฤกษาแวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
- นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
ซีอีโอทั้ง 3 คนจะแบ่งหน้าที่รับผิดชอบแต่ละตลาดชัดเจน เช่น กลุ่มแวลูวร์คอนโดราคาระดับกลาง กลุ่มทาวน์เฮ้าส์ และกลุ่มพรีเมียมคอนโดตลาดบน โดยมีนางสุพัตรา เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ดูแลภาพรวมการบริหาร
นางสุพัตรา กล่าวว่า เป้าหมายของพฤกษาฯในการเติบโตจากนี้ไป จะเติบโตภายใต้ 3 องค์ประกอบสำคัญ คือ
- 1.Innovation Technology Digital โดยมีพอร์ตอสังหาฯโครงการต่างๆ ที่พัฒนาด้วยนวัตกรรมใหม่
- 2.Health and Wellness ธุรกิจด้านสุชภาพ จะเป็นอีกพอร์ตการลงทุนของพฤกษา ที่จะขับเคลื่อนรายได้เสริมเป็นรายได้หมุนเวียนให้บริษัท แต่เป็นธุรกิจใหม่ที่เน้นให้บริการทางการแพทย์ที่ดี ในราคาคนทั่วไปเข้าถึงได้ ด้วยการลงทุนสร้างโรงพยาบาลพิมุต และนอกจากนี้จะมีคลินิกพิมุต กระจายตามมุมเมืองต่างๆ ขณะเดียวกันก็จะมีโครงการพัฒนาอสังหาฯเพื่อตอบโจทย์ สังคมผู้สูงวัยด้วย
- 3.Living Solution Platform จะพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับที่อยู่อาศัย ขึ้นมาให้บริการลูกบ้านพฤกษาเป็นการตอบโจทย์เทคโนโลยี และการอยู่อาศัยสมัยใหม่ควบคู่กันไปด้วย
พฤกษาอยู่ในตลาดมา 25 ปี ผ่านวิกฤติการเงินมาหลายรอบ เรียนรู้และปรับตัวมาตลอดจนถึงวันนี้
นายประเสริฐ ซีอีโอ ผู้รับผิดชอบโครงการพฤกษาพรีเมียม กลุ่มธุรกิจน้องใหม่มาแรงของพฤกษา กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาธุรกิจพรีเมียมของพฤกษาฯ เติบโตดีตามเป้าหมาย แม้จะยังมีสัดส่วนที่น้อยเพียง 4% จากพอร์ตรวมของพฤกษา แต่ก็เป็นยูนิตที่เติบโตเร็ว
แผนปี62 เน้นเจาะดีมานด์เฉพาะทำเล
ในปี 2562 คาดว่ากลุ่มพรีเมียมพฤกษาฯ จะมีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 15% แต่การสร้างความเติบโตในปีหน้า คงต้องจับตาปัจจัยต่างๆ มากขึ้น เรียกว่าเป็นปีที่ต้องต้้งรับและท้าทาย ต้องบริหารอย่างรอบคอบเพื่อผ่านมันไปให้ได้ เช่นเดียวกับปี 2561 ที่กำลังจะผ่านไป ซึ่งนายประเสริฐ กล่าวว่าเป็นปีที่ “ต้นดีปลายร้าย” เนื่องจากต้นปีเติบโตดี
แต่มาช่วงปลายปีมีปัจจัยลบที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นถึง 3 เรื่องด้วยกัน ประกอบด้วย
- มาตรการคุมเข้มสินเชื่อบ้าน หรือการอนุมัติสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน LTV ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
- มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งทุก 0.25% ของดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น มีผลต่อกำลังซื้อลดลง 2% การขึ้นดอกเบี้ยก็จะทำให้กำลังซื้อลดลง
- สนช.ผ่านความเห็นชอบพ.ร.บ.ภาษีที่ดิน ออกมาในปีนี้
ทั้ง 3 ปัจจัยล้วนเป็นปัจจัยลบ ที่เข้ามากระทบธุรกิจพัฒนาอสังหาฯชัดเจน กระทบทั้งต่อตลาดผู้ซื้อ และผู้ประกอบการเองก็ต้องปรับตัว ตั้งรับเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเป็นนิวโลว์ ทำให้กำลังซื้อ และความมั่นใจตลาดลดลง ซีอีโอพฤกษาฯ ย้ำว่าปีนี้ไม่ง่ายเช่นกัน แต่พฤกษาฯผ่านมาได้ค่อนข้างดี
โดยเฉพาะตลาดคอนโดเติบโตถึง 20% ต้องยอมรับว่าลูกค้าจีน มีส่วนเข้ามาพยุงตลาดได้มาก แต่ปีหน้า (2562) คาดว่าลูกค้าจีนจะลดน้อยลง ตลาดคอนโดอาจไม่โตเหมือนปีที่ผ่านมา
“เดือนนี้เราโอนลูกค้าจีนไปแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท ในโครงการแชปเตอร์วัน อีโค่ ที่ห้วยขวาง จากมูลค่ารวม 5,500 ล้านบาท ลูกค้าจีนโอนไปแล้ว 2,000 ล้านถือว่าประสบความสำเร็จ” นายประเสริฐ ย้ำ
ส่วนแผนงานในปี 2562 นายประเสริฐ เผยว่า คงต้องมองหาที่ดินที่เป็นทำเลเฉพาะ ซึ่งมีดีมานด์เฉพาะกลุ่ม เช่น หน้ามหาวิทยาลัย หรือ พัฒนาคอนโดทำเลทองหล่อ แต่เปิดขายที่ราคา 1.5-1.6 แสนบาท/ตารางเมตร ซึ่งอาจต้องเข้าซอยไปเล็กน้อย เป็นช่องว่างตลาดที่ยังมีความต้องการ เพราะคอนโดในทองหล่อปัจจุบันราคาเกินกว่า 2 แสนบาท/ตารางเมตรขึ้นไปแทบทั้งสิ้น
ซีอีโอกลุ่มพรีเมียม พฤกษาฯ เผยว่าสินค้าใหม่ที่พฤกษาฯเตรียมพัฒนาในปีหน้า จะใช้แบรนด์ “เดอะ แชปเตอร์” ซึ่งเป็นตลาดไฮเอนด์ที่อยู่ตรงกลางระหว่าง “แชปเตอร์” และ “รีเสิรฟ” เป็นตลาดระดับราคา 1.5-16. แสนบาท/ตารางเมตร ซึ่งเชื่อว่าหลายทำเลยังมีความต้องการ เพียงแต่ต้องหาตลาดให้เจอ และพัฒนาสินค้าออกมาให้ตรงความต้องการของลูกค้า
ทั้งหมดนี้ คือก้าวย่างของพฤกษา ภายใต้โครงสร้างการบริหารโดย 3 ซีอีโอ ที่เปรียบเสมือนแขนขาของผู้ก่อตั้งพฤกษาฯ ที่วันนี้ได้วางมือจากงานบริหารในรายละเอียด ไปสู่การพัฒนาตามวิชั่นที่ตั้งไว้ วางเป้าหมายและนโยบาย ส่วนการเติบโตองค์กรอยู่ภายใต้โครงสร้างทีมบริหารมืออาชีพ เป็นก้าวย่างใหม่ของพฤกษาฯ ที่จะรักษาฐานะผู้นำตลาดให้คงอยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืน ตามวิชั่นที่วางไว้เป็นเป้าหมายหลักในการดำเนินธุรกิจ
