CEO INSIGHT

ย่างก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ‘ดร.สมชาย’ เสาะหา ‘บลูโอเชียน’

น้อยคนที่รักสวยรักงานจะไม่รู้จักชื่อของ ดร.สมชาย เพราะถึงวันนี้ ดร.สมชาย อยู่ในตลาดความงามและการดูแลผิวพรรณมานานถึง 48 ปี และกำลังย่างก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ในอีก 2 ปีจากนี้ ทำให้น่าสนใจว่าแบรนด์ดังกล่าวจะมีกลยุทธ์และทิศทางอย่างไรต่อ ภายใต้การบริหารงานของรุ่น 2 (เจนเนอเรชั่นที่ 2) ที่เข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจเต็มตัว

แพทย์หญิง อรอินท์ เรืองวัฒนสุข 1

แพทย์หญิง อรอินท์ เรืองวัฒนสุข กรรมการบริหาร บริษัท เอส.เอส.แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด และผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ ดร.สมชาย และ แอคเน่ ซึ่งเป็นเจน 2 ที่เข้ามาดูแลธุรกิจสานต่อจากรุ่นพ่อ เปิดเผยถึงทิศทางของ ดร.สมชาย ในทศวรรษที่ 5 ว่า จากธุรกิจดั้งเดิมของบริษัท เริ่มจากการทำผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และมีการเติบโตต่อเนื่อง เพราะให้ความสำคัญกับการวิจัยสินค้าและพัฒนาช่องทางจำหน่ายให้หลากหลายและครอบคลุม

แต่ปัจจุบัน จากสภาพการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจ พฤติกรรมผู้บริโภค และที่สำคัญคือ การแข่งขันในตลาดสินค้าเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ความงามมูลค่า 1.7 แสนล้านบาทที่รุนแรงต่อเนื่อง จนกลายเป็นตลาด “เรดโอเชียน” ทำให้บริษัทที่เคยพึ่งพารายได้จากตลาดเดียว ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ ด้วยการมองหาตลาดที่เป็น “บลูโอเชียน” เพื่อสร้างการเติบโตต่อไป

ดังนั้น แนวทางสำคัญของบริษัทในทศวรรษที่ 5 จึงอยู่ที่การขยายไปสู่ตลาดใหม่ รวมถึงการต่อยอดธุรกิจเดิมให้คงอยู่ ตลอดจนการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างทางโต ซึ่งทั้งหมดนี้จะดำเนินการไปควบคู่กัน

661182

หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ ที่จะเป็นธุรกิจเรือธงใหม่ของ ดร.สมชายคือ การมุ่งเป้าสู่เทคโนโลยี 4.0 ด้วยการเดินหน้าวิจัยเรื่อง “จีโนม อีดิทติ้ง” หรือการใช้เทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม ซึ่งเป็นดีพเทคโนโลยีทางชีวภาพที่สูงสุดในปัจจุบัน โดยที่ผ่านมา บริษัทได้จัดตั้งบริษัท ไบโอเทค ที่ประเทศสิงค์โปร เพื่อศึกษาวิจัยด้วยการใช้เทคนิคใหม่ CRISPR เพื่อพัฒนากระบวนการใหม่ในการสร้างโปรตีนรักษาโรค โดยมีกลุ่มทุนจากประเทศบราซิล และประเทศดูไบให้ความสนใจร่วมทุนด้วย

“ที่ต้องไปตั้งบริษัทในสิงคโปร์ เนื่อวจากในประเทศไทยยังไม่สามารถทดลองทดลองสินค้ากับมนุษย์ได้ และยังเป็นการเปิดตัวเองเพื่อหาพันธมิตรระดับโลกเข้ามาร่วมทุนในการวิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ในการรักษาโรค”

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมการขยายตลาดสินค้ากลุ่มใหม่อย่างจริงจัง ด้วยการเข้าไปจดสิทธิบัตรยา small molecule ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และในปีนี้ มีแผนการจดสิทธิบัตรยาต้นแบบที่ประเทศสหรัฐอเมริกา อีก 2 ตัว และตั้งเป้าไว้ว่าอีก 5 ปี จะจดเพิ่มให้ได้เกิน 5 ตัว ซึ่งถือว่าเป็นก้าวสำคัญสำหรับบริษัทในประเทศไทยที่ต้องการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมระดับสูง

“ที่สำคัญคือ ยังเป็นการก้าวข้ามจากการเป็นริจินัลแบรนด์ ไปสู่โกลบอลแบรนด์ต่อไปอีกด้วย”

แพทย์หญิง อรอินท์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันรูปแบบธุรกิจเดิมๆ กำลังถูกท้าทายด้วยสตาร์ทอัพโมเดล และกิจการใหม่ๆ ที่เน้นการสร้างคุณค่า ซึ่งเป็นทั้งความท้าทายและความสนุก ทำให้บริษัทต้องยืดหยุ่นและเคลื่อนไหวว่องไวขึ้น

661181

เมื่อถามถึงความท้าทายในการดำเนินธุรกิจปัจจุบัน เธอบอกว่า ตลอด 48 ปี ของธุรกิจ ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจทั้งดีและชะลอตัว ดังนั้น สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ซึ่วสะท้อนได้จากก้าวใหม่ในการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ที่ใช้ดีพเทคโนโลยีของบริษัทในวันนี้

“การค้นคว้า และวิจัยในครั้งนี้ จะสะท้อนกลับมาสู่ผลิตภัณท์ของ ดร.สมชาย เมื่อผลิตภัณท์ของเราถูกสร้างจากทีมวิจัยชั้นนำ ไม่ได้แค่อะไรว่าดีก็หามาผสมครีมขาย ตอนนี้เราทดสอบประสิทธิภาพสารก่อน ที่เราจะใช้ด้วยการเพาะเลี้ยงเซลล์ เรียกว่าไม่ต่างกับเวลาที่เราจดสิทธิบัตร เราใช้วิธีที่ซับซ้อนมากในการขึ้นสูตรผลิตภัณท์ใหม่แต่ละตัว ทำให้ผลิตภัณฑ์เรามีชื่อเสียงด้านประสิทธิภาพและมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับโลก”

นอกจากนี้ ในส่วนของกลุ่มสินค้าเดิมที่ทำอยู่ ก็จะเน้นการขยายไลน์สินค้าไปสู่กลุ่มชะลอริ้วรอย เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มที่กำลังเข้าสู่วัยสูงอายุ และสอดคล้องกับทิศทางของประเทศไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่มีความสำคัญอย่างมากนับจากนี้

กล่าวได้ว่า ก้าวเดินของ ดร.สมชายในวันนี้ กำลังมุ่งหน้าไปสู่การเปลี่ยนแพลตฟอร์มของการผลิตยายุคใหม่ เพื่อให้อยู่รอดได้และไปสู่เป้าหมายการก้าวขึ้นชกบนเวทีโลกแล้วนับจากนี้

Avatar photo