Economics

‘ศูนย์วิจัยกสิกรไทย’ หั่นคาดการณ์จีดีพี เหลือ 2.5% เหตุวิกฤติยูเครน ดันราคาน้ำมัน-อาหารพุ่ง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับลดตัวเลขคาดการณ์จีดีพีไทย ลงมาอยู่ที่ 2.5% ระบุ เจอผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาน้ำมัน และอาหาร พุ่งสูงขึ้น ซ้ำเติมการระบาดของไวรัสโควิด-19

นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า นอกจากปัญหาการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่แล้ว วิกฤติรัสเซีย-ยูเครน ยังส่งผลกระทบเพิ่มเติม ต่อเส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ผ่านราคาพลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งที่เป็นโลหะอุตสาหกรรม และสินค้าเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิต ให้เร่งตัวขึ้น

จีดีพีไทย

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินผลกระทบแบ่งออกเป็น 2 กรณี

กรณีฐาน ที่การปะทะสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จำกัดอยู่ในบางพื้นที่ของประเทศยูเครน แต่ข้อตกลงร่วมกันคงยังไม่เกิดขึ้นในปีนี้ และมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตก และสหรัฐ ต่อรัสเซีย จะคงอยู่ไปตลอดทั้งปีนี้นั้น คาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบ มีค่าเฉลี่ยทั้งปีที่ 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และจีดีพีขยายตัวที่ 2.5 %

กรณีดี คาดการณ์ตัวเลขจีดีพีไทยไว้ที่ 2.9% ซึ่งเกิดขึ้นบนสมมติฐานที่รัสเซีย-ยูเครนหาทางออกร่วมกันได้เร็วกว่าที่กำหนด หรือภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ อันทำให้ราคาน้ำมันดิบอาจย่อตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง และทำให้ค่าเฉลี่ยน้ำมันทั้งปี 2565 อยู่ที่ 90 ดอลลาร์

ผลกระทบที่เกิดขึ้นข้างต้น จะส่งผ่านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก โดยมองว่ามีโอกาสเร่งตัวสูงขึ้นแตะ 4.5% ในกรณีฐาน ท่ามกลางการที่ภาครัฐมีมาตรการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2565 ส่งผลให้ในบางช่วงของปีหลังจากนั้น ราคาน้ำมันดีเซลอาจจะขยับขึ้นเกิน 30 บาทต่อลิตร หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น

จีดีพีไทย

ขณะที่ ความเสี่ยงเงินเฟ้อดังกล่าว ทำให้มีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ส่งสัญญาณสู่ระดับ 1.75%-2.00% ณ สิ้นปี 2565 รวมถึงเพิ่มแรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยเช่นกัน

ส่วนผลกระทบต่อธุรกิจไทย นางสาวเกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ มองว่า ปัจจัยรัสเซีย-ยูเครน กระทบต้นทุนการผลิตภาคอุตสาหกรรม คิดเป็นมูลค่าราว 80,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ตกอยู่กับภาคธุรกิจ ซึ่งจะถูกกระทบแตกต่างกันไป ตามสัดส่วนการใช้วัตถุดิบ และความสามารถในการปรับตัว

ผลกระทบบางส่วน ยังอาจตกอยู่กับผู้บริโภค ส่วนการท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบ ผ่านการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียและยุโรป ซึ่งแม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยรวมในปี 2565 อาจแตะ 4 ล้านคน แต่การใช้จ่ายจะลดลงราว 50,000 ล้านบาท จากกรณีที่ไม่มีสงคราม

นอกจากนี้ ภาคการบริการอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ไม่เพียงแต่ต้นทุนที่ขยับขึ้น ค่าครองชีพที่สูงขึ้นของผู้บริโภค ยังวนกลับมากดดันยอดขายภาคธุรกิจอีกด้วย ทำให้ในภาพรวมแล้วประเมินตัวเลขการขยายตัวของธุรกิจในกลุ่มรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ค้าปลีก และร้านอาหาร น้อยลงจากรณีไม่มีสงคราม

จีดีพีไทย

ทางด้าน นางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ ระบุเพิ่มเติมว่า แม้การคว่ำบาตรทางการเงินของประเทศมหาอำนาจในโลกต่อรัสเซีย จะมีผลกระทบทางตรงที่จำกัด ตามปริมาณการค้าระหว่างรัสเซีย-ยูเครนกับไทย

แต่จุดติดตามจะอยู่ที่สถานการณ์ที่ยังไม่นิ่ง ซึ่งจะทำให้การเคลื่อนไหวของตลาดการเงินผันผวนต่อเนื่อง และต้นทุนการระดมทุน มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ทั้งจากความไม่แน่นอนที่ยังอยู่ และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยภายในปี 2565 จะมีตราสารหนี้ภาคเอกชนที่รอครบกำหนดอีกกว่า 7 แสนล้านบาท

ลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมาก คงต้องได้รับการดูแลเพิ่มเติม ในแง่ของวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนเพิ่มเติมในรายที่ยังประคองคำสั่งซื้อไว้ได้ รวมถึงประเด็นปรับโครงสร้างหนี้ และคุณภาพหนี้

โดยรวมแล้ว สินเชื่อธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากต้นทุนน้ำมันและวัตถุดิบอาหารที่เพิ่มขึ้น จะมีสัดส่วนประมาณ 4%-5% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ขณะที่ ประเมินภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งปีนี้ที่ 4.5% ในกรณีฐาน

จีดีพีไทย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo