COVID-19

‘ศูนย์วิจัยกสิกรไทย’ คาดเศรษฐกิจปี 65 ฟื้นตัวได้ 2.8-3.7% ชี้ ‘โอไมครอน’ ตัวแปรสำคัญ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด เศรษฐกิจปี 65 ฟื้นตัวได้ 2.8-3.7%  ชี้ แนวโน้มเศรษฐกิจโลก-ไทย กลับมามีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จาก “โอไมครอน” ระบุ การที่หลายประเทศ เริ่มคุมเข้มด้านการเดินทาง อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า โดยเฉพาะในไตรมาสแรก

นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ภายใต้มาตรการการเดินทาง และสุขอนามัยต่าง ๆ ที่คุมเข้มมากขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงการปิดประเทศ สะท้อนให้เห็นว่า ทั่วโลกมีความกังวลต่อความรุนแรงของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ แม้จะยังไม่มีผลการศึกษาที่แน่ชัด

เศรษฐกิจปี 65

ในการประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย จากการแพร่ระบาดของไวรัสโอไมครอน จะขึ้นอยู่กับอัตราการแพร่เชื้อ ประสิทธิภาพของวัคซีน และความรุนแรงของโรค ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย แบ่งออกเป็น 2 กรณี ภายใต้สมมติฐานที่การแพร่ะบาดของสายพันธุ์โอไมครอน จะบรรเทาลงในปลายไตรมาสที่ 1 ปี 2565

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยคาดว่าจะไม่มีการกู้เงินนอกงบประมาณเพิ่มเติม โดยให้ใช้วงเงิน 2.6 แสนล้านบาทที่คงเหลือจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท

ในกรณีดีนั้น แม้ไวรัสจะแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว แต่หากความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา และวัคซีนที่ใช้ในปัจจุบันสามารถลด หรือจำกัดระดับความรุนแรงของอาการป่วยได้ ไทยก็อาจไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์

ดังนั้น เศรษฐกิจทั้งปี 2565 ก็ยังน่าจะสามารถฟื้นตัวได้ที่ 3.7% โดยเศรษฐกิจไทย ยังจะได้รับแรงหนุนจากการส่งออก การฟื้นตัวของการใช้จ่ายครัวเรือน รวมถึงการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ภายใต้กรณีนี้แรงกดดันจากเงินเฟ้อยังเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ

ในกรณีแย่ที่สายพันธุ์โอไมครอน มีความรุนแรงเทียบเท่ากับสายพันธุ์เดลตา และประสิทธิภาพของวัคซีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันลดลงอย่างมาก ส่งผลต่อความจำเป็นต้องมีการนำมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศมาใช้ อาทิ ปิดประเทศ รวมถึงมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศ ตามระดับความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 2.8%

อย่างไรก็ตาม ภายใต้สมมติฐานในกรณีแย่ สถานการณ์การแพร่ระบาดในภาพรวม ก็ยังดีกว่าช่วงการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา ที่เริ่มในช่วงเดือนเมษายน 2564

เศรษฐกิจปี 65

ผลกระทบวงจำกัด หนุนเศรษฐกิจปี 65

ขณะที่ นางสาวเกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ ขยายความเพิ่มเติมในเรื่องผลกระทบต่อตลาดท่องเที่ยวไทยว่า ในกรณีดีนั้น จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2565 น่าจะฟื้นตัวมาแตะ 4 ล้านคน จากปีนี้ที่ประมาณ 3.5 แสนคน

แต่สำหรับกรณีแย่ คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจะเหลือประมาณ 2 ล้านคน เพราะการท่องเที่ยวจะขาดช่วงไป 2-3 เดือน จากการที่ประเทศต่าง ๆ รวมถึงไทย จำเป็นต้องยกระดับการควบคุมการเดินทาง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปทุก ๆ 1 ล้านคน จะกระทบรายได้จากการท่องเที่ยวราว 7-8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในทั้งสองกรณี ก็ยังถือว่าห่างไกลจากช่วงก่อนโควิดมาก

ขณะที่ นางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ มองแนวโน้มภาคการเงินว่า ในกรณีดี ที่ผลกระทบจากไวรัสโอไมครอน อยูในวงจำกัด ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ยังน่าจะทยอยลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินตามแผน

ตลาดประเมินโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในปี 2565 ราว 2-3 ครั้ง ซึ่งจะผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ สูงกว่าไทยในช่วงปลายปี และย่อมจะเพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินบาท ให้มีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบอ่อนค่าในช่วงครึ่งปีแรก

ในกรณีแย่ การระบาดของไวรัสโอไมครอน จะกระทบรายได้จากการท่องเที่ยว และดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ทำให้เงินบาทในช่วงครึ่งปีแรก ขาดปัจจัยหนุน และอ่อนค่ากว่ากรณีแรก โดยมีโอกาสอ่อนค่าแตะ 34.25 บาทต่อดอลลาร์

เศรษฐกิจปี 65

แต่ไม่ว่าจะกรณีไหน ธุรกิจควรรับมือกับภาวะที่เงินบาทจะแกว่งตัวในกรอบกว้าง ดังในช่วงระหว่างปี 2564 ที่เงินบาทมีกรอบการเคลื่อนไหว (ระดับอ่อนค่าสุด-ระดับแข็งค่าสุด) กว้างถึง 4 บาทกว่า เทียบกับปี 2563 ที่กรอบประมาณ 3.40 บาท

แม้อัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยจะยังไม่ปรับขึ้นในปี 2565 แต่แนวโน้มต้นทุนการกู้ยืมในตลาดตราสารหนี้ ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นต่อ และนักลงทุนรายย่อยไทยคงจะยังแสวงหาช่องทางการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง (Search for Yield)

ส่วนธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไทยปี 2565 นั้น เป็นอีกปีที่คงขับเคลื่อนด้วยความระมัดระวัง เพราะสถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยมองสินเชื่อขยายตัวในกรอบคาดการณ์ 4.0-5.5%  ชะลอลงจากปี 2564 ที่สินเชื่อขยายตัวแตะระดับ 6.0% ดีกว่าคาด เพราะธุรกิจสะสมสภาพคล่อง และมีผลของมาตรการช่วยเหลือทางการเงิน

เอ็นพีแอลยังเป็นขาขึ้น เข้าหาระดับประมาณ 3.30% ต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2565 เทียบกับราว 3.20% ณ สิ้นปี 2564 ซึ่งแม้จะถือว่าเพิ่มขึ้นไม่มาก เพราะยังมีอานิสงส์ของการผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นหนี้ของ ธปท.อยู่ แต่ธนาคารพาณิชย์คงไม่ได้ผ่อนระดับการตั้งสำรองฯ ลงมากนัก อันมีส่วนทำให้ระดับความสามารถในการทำกำไรของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในปี 2565 ยังไม่เข้าใกล้ระดับก่อนวิกฤติโควิด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo