Economics

ยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่เดือน พ.ย. ขยายตัว 26% ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์โตพุ่ง

“กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” เผยยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่เดือนพฤศจิกายนขยายตัว 26% ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์โตพุ่ง 94% ตามพฤติกรรมของผู้บริโภค

นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดี กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย ผลการจดทะเบียนธุรกิจในเดือนพฤศจิกายน 2564 ว่า ผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ 5,642 ราย เพิ่มขึ้น 26% จากเดือนพฤศจิกายน 63 ซึ่งอยู่ที่ 4,479 ราย และเพิ่มขึ้น 2% จากเดือนตุลาคม 63 ซึ่งอยู่ที่ 5,555 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 16,983 ล้านบาท

ยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่

ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่

  1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 566 ราย คิดเป็น 10%
  2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 287 ราย คิดเป็น 5%
  3. ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้า รวมถึงคนโดยสาร จำนวน 195 ราย คิดเป็น 3%

ขณะที่ยอดจดทะเบียนธุรกิจเลิกประกอบกิจการมีจำนวน 2,892 ราย เพิ่มขึ้น 18% จากเดือนพฤศจิกายน 63 ซึ่งอยู่ที่ 2,457 ราย และเพิ่มขึ้น 46%จากเดือนตุลาคม 64 ซึ่งอยู่ที่ 1,976 ราย โดยมีมูลค่า ทุนจดทะเบียนจำนวน 109,271 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่

  1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 204 ราย คิดเป็น 7%
  2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 148 ราย คิดเป็น 5%
  3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 77 ราย คิดเป็น 3%

ยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่

ทั้งนี้ ส่งผลให้ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 64 มีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศทั้งสิ้น 811,224 ราย มูลค่าทุน 19.23 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 197,245 ราย คิดเป็น 24.31% บริษัทจำกัด จำนวน 612,664 ราย คิดเป็น 75.53% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,315 ราย คิดเป็น 0.16%

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการเติบโตของจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในเดือนพฤศจิกายน 2564 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จะพบว่ากลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งเติบโต ได้แก่ ธุรกิจรับส่งเอกสาร/สิ่งของ เพิ่มขึ้น 62 ราย คิดเป็น 6.9 เท่า และขายปลีกทางอินเตอร์เน็ต เพิ่มขึ้น 55 ราย คิดเป็น 94.83%

“ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ โตถึง 94% สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในยุคปัจจุบัน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น” นางโสรดา กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK