COVID-19

เอกชนเชื่อ ช่วงสั้น ‘โอไมครอน’ ไม่กระทบเศรษฐกิจไทย

“เอกชน-นักวิชาการ” แนะ  “อนามัยโลก” ต้องชี้แจงความรุนแรงเชื้อ “โอไมครอน” มีมากน้อยเพียงใดให้ชาวโลกรู้ด่วน แต่ยังมั่นใจ ระยะสั้นไม่กระทบต่อเศรษฐกิจไทย ย้ำ! มาถูกทางเร่งฉีดวัคซีนคุ้มกันหมู่ ระบุหากเชื้อตัวใหม่ไม่รุนแรง ปีหน้าเศรษฐกิจไทยโตได้ไม่ต่ำกว่า 5% 

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะเจอผู้ติดเชื้อโอไมครอน แล้ว 1 ราย ซึ่งเป็นคนต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย ทำให้ขณะนี้ตรวจพบเชื้อตัวนี้แล้ว 47 ประเทศนั้น เท่าที่ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด ยังไม่มีความชัดเจน เกี่ยวกับความรุนแรงของเชื้อตัวนี้ว่า จะเป็นอย่างไร

เศรษฐกิจไทย

ดังนั้น เห็นว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก (WHO) จะต้องสำรวจเชื้อโอไมครอนตัวนี้ว่า มีความรุนแรงสร้างความเสียหายกับชาวโลกอย่างไร และมีตัววัคซีนตัวไหนที่จะป้องกันเชื้อตัวนี้ได้บ้าง เพื่อให้ชาวโลกได้เตรียมตัว และหาทางป้องกันการแพร่เชื้อโอไมครอนกันต่อไป

ขณะนี้ถือว่าประเทศไทยสามารถเร่งฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิดได้ในระดับที่น่าพอใจ คาดว่าในอีกไม่กี่วันนี้ ไทยจะฉีดวัคซีนได้ถึง 100 ล้านโดส ซึ่งจะทำให้คนไทยมีภูมิป้องกันเชื้อโควิดได้ เห็นได้จากขณะนี้ ปริมาณคนติดเชื้อเริ่มลดลงมาอยู่ต่อวันเพียง 3,000-4,000 คน และมองว่า ปริมาณนี้น่าจะลดลงได้อีกแน่นอน จึงอยากให้คนไทยที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ให้รีบมารับวัคซีนมากขึ้น เพื่อให้คนไทยมีภูมิคุ้มกันหมู่

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเทศไทย จะยังไม่ทราบแน่ชัดเกี่ยวกับความรุนแรงของเชื้อโอไมครอน แต่ทางรัฐได้ประกาศแนวทางป้องกันชัดเจน เกี่ยวกับการเดินทางเข้ามาในประเทศ ทั้งคนไทย และชาวต่างชาติอย่างเข้มข้น เพื่อหาเชื้อตัวนี้ไม่ให้เข้ามาในประเทศไทยมากกว่านี้ รวมทั้งยังเชื่อว่า หากคนไทยไม่ประมาทป้องกันตัวตามที่สาธารณสุขกำหนดไว้ เชื่อว่าน่าจะป้องกันการเชื้อได้

ดังนั้น คงจะต้องได้รับความร่วมมือจากคนไทยทั้งประเทศ ที่จะป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด เพราะเชื่อว่าเชื้อโควิดยังจะอยู่กับ คนทั่วโลกไปอีกนาน แม้ว่าเชื้อจะกลายพันธุ์ แต่หากทุกคนมีภูมิคุ้มกันก็จะลดการสูญเสียได้

ระยะสั้นไม่กระทบเศรษฐกิจไทย

นอกจากนี้ ภาคเอกชนมองว่า จากผลกระทบเชื้อโอไมครอนที่ตรวจพบในหลายประเทศแล้วขณะนี้ ในช่วงระยะสั้นของปีนี้ ไม่น่าจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้มากนัก เพราะภาครัฐเดินมาถูกทางหลังจากคลายล็อกดาวน์ในหลายกิจการทำให้บรรยากาศการค้าการลงทุน รวมถึง การท่องเที่ยวในประเทศเริ่มกลับมาดีขึ้น ภายใต้มาตรการดูแลของภาครัฐ และความร่วมมือของประชาชน

หากเป็นเช่นนี้ได้ ก็เชื่อว่าจะส่งผลให้อัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจไทยปี 64 จะเป็นบวกได้ 1-1.5% แต่ยังเห็นว่า หากจะให้ได้ผลภาครัฐ ควรใช้มาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนเพิ่มเติม เช่น โครงการคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน เพื่อส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทยในช่วงปลายปีไปจนถึงต้นปีหน้าได้

เศรษฐกิจไทย

นายสนั่น ยังกล่าวอีกว่า หากการแพร่เชื้อโอไมครอนไม่รุนแรง และทั่วโลกป้องกันเชื้อตัวนี้ได้  โอกาสที่เศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะเติบโตได้ 5% ก็มีความเป็นไปได้สูง  จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ ผ่านโครงการจับจ่ายใช้สอยให้กับประชาชน ที่มีเม็ดเงินเข้าระบบกว่า 500,000 ล้านบาท รวมทั้ง มาตรการด้านการท่องเที่ยว คนต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น ภาคการส่งออก ยังส่งออกสินค้าไทยไปตลาดต่างประเทศทั่วโลกเติบโตได้อีกไม่น้อยกว่า 5%

แต่หากเชื้อโอไมครอนรุนแรงและเอาไม่อยู่ โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะไม่ขยายตัวตามเป้าหมายก็เป็นไปได้เช่นกัน

ทางด้าน นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจกล่าวว่า หากเชื้อโอไมครอนรุนแรง จนถึงขั้นปิดประเทศ และล็อกดาวน์ทั่วโลก โอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะกลับมาเติบโตน้อยลง เพราะจะส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยว สายการบิน การส่งออก และการบริโภคของคนทั่วโลกจะกลับมาเหมือนช่วงที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบการแพร่เชื้อโควิดในสายพันธุ์ต้น ๆ ได้

ในเวลานี้คงต้องติดตามจาก WHO ที่สำรวจเชื้อโอไมครอนว่า จะออกมาว่ารุนแรงแค่ไหน เพื่อให้คนทั่วโลกได้เตรียมแผนรับมือกับเชื้อโอไมครอนกันได้ต่อไป

หากเชื้อโอไมครอนไม่รุนแรง โอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในปีหน้าเป็นไปได้สูง และจะส่งผลให้เศรษกิจไทยในปีหน้าเติบโตได้ถึง 4-5% แต่หากเชื้อโอไมครอนรุนแรง และแพร่เชื้อรวดเร็วคุมไม่อยู่ จนถึงขั้นปิดประเทศไปทั่วโลก รวมถึง ไทย ก็มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยในปีหน้า จะเติบโตเท่ากับปี 2564

กระนั้นก็ตาม หากรุนแรงจนต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศ และภาคธุรกิจอีกครั้ง โอกาสเศรษฐกิจจะติดลบก็เป็นไปได้เช่นกัน แต่ภาพรวมยังเชื่อว่าโอไมครอนจะไม่รุนแรง เห็นได้จากหลังจากหลายประเทศพบคนติดเชื้อตัวนี้มาเกือบ 2 สัปดาห์ยังไม่มีข่าวถึงขึ้นเสียชีวิต ดังนั้น จึงมองว่าวัคซีนที่มีอยู่น่าจะป้องกันเชื้อตัวนี้ได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo