Branding

‘สยามเฮลท์ กรุ๊ป’ สู้โควิด-19 แค่ ‘4P’ ไม่พอ ต้องเพิ่ม ‘3P’

สยามเฮลท์ กรุ๊ป ชูกลยุทธ์คืนสู่สังคม สู้วิกฤติเศรษฐกิจ-โควิด19 พร้อมรับมือดิจิทัล ดิสรัปชั่น ชี้การทำตลาดแค่ 4P ไม่ได้แล้ว แต่ต้องเพิ่ม 3P ทั้ง “People – Profit -Planet”

ภก.ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก “เดนทิสเต้” และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว “สมูท-อี” เปิดเผยว่า ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังวิกฤติหนัก เจอปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และสมรภูมิการตลาดในโลกยุคดิจิทัล ดิสรัปชั่น ทำให้การทำตลาดแบบ 4P ไม่เพียงพอ ต้องมีอีก 3P ซึ่งมีอิทธิพลมากขึ้นทุกวัน

001.

สำหรับการตลาด 3P ที่เข้ามามีอิทธิพลมากขึ้นในปัจจุบัน ได้แก่ People (คน) , Profit (กำไร) และ Planet (การทำสิ่งดีเพื่อตอบแทนกลับคืนสู่สังคม) ซึ่งกลยุทธ์ 3P ดังกล่าว จะทำให้สามารถเจาะตลาดได้เข้าถึงกลุ่มคน Gen Y หรือ Gen Z หรือคนอายุต่ำกว่า 30 ปีได้ และยังเป็นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและขยายความรับผิดชอบให้เกิดสมดุลของโลกธุรกิจ ทั้งผลกำไร ผู้คน และโลกใบนี้

ทั้งนี้ บริษัทใช้เวลาศึกษาและตัดสินใจใช้กลยุทธ์การตลาดแนวใหม่เปิดตัวสินค้าใหม่ ทั้งกลุ่มแบรนด์เดนทิสเต้และสมูทอี โดยทำการตลาดรูปแบบ Planet Marketing กระตุ้นการรับรู้เกี่ยวกับประเด็นในสังคมที่หลายคนอาจมองข้ามให้เป็นเรื่องน่าสนใจ ทำให้ผู้ที่ได้รับชมภาพยนตร์โฆษณาชื่นชอบแล้วแชร์ต่อเป็นทอดๆ ไม่จำเป็นต้องใช้การส่งเสริมการขายที่มีต้นทุนสูง แต่ได้ผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นการเปลี่ยนโลกทัศน์การทำตลาด ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

“Planet คือโลกสมัยใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสินค้าและบริษัทที่ทำเรื่องดี เช่น ช่วยเรื่องรักษ์โลก แก้โลกร้อน ช่วยกันสร้างสรรค์โลกในหลายๆด้าน ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่บริษัททำต่อเนื่องมาระยะหนึ่งแล้วและผู้บริโภคยุคใหม่มีพฤติกรรมการบริโภคสินค้าจาก Story Telling มีภาพยนตร์โฆษณาเป็นสื่อกระจายส่งต่อข่าวสารอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ต้นทุนไม่สูงและสร้างยอดขายได้ กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน”ภก.ดร.แสงสุข กล่าว

 

ที่สำคัญ Planet Marketing ไม่ใช่แค่การทำเพื่อเพิ่มยอดขาย แต่บริษัทมีจุดประสงค์คืนกำไรและสิ่งดีๆสู่สังคม ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้แก่ผู้ที่ได้รับชมภาพยนตร์โฆษณาและสื่อให้เห็นว่า ถ้าเปลี่ยนความคิดแล้ว โลกจะดีขึ้น เป็นประโยชน์แก่สังคม

ด้านผลประกอบการของบริษัทในปี 2562 พบว่า ยังสามารถประคองรายได้และผลกำไร ด้วยอัตราเติบโต 15% ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจและภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังชะลอตัว ขณะที่เป้าหมายในปี 2563 คาดว่าภาพรวมของกลุ่มสยามเฮลธ์กรุ๊ปจะมีอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%

005.

ภก.ดร.แสงสุข กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะเร่งขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆและใช้การตลาดรูปแบบใหม่ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อรุกฐานผู้บริโภคกลุ่มใหม่ รวมทั้งลุยตลาดต่างประเทศ ซึ่งแบรนด์เดนทิสเต้กำลังเดินหน้าต่อเนื่อง มีการจ้างเอเจนซี่แบรนด์ระดับโลกที่เคยวางแผนให้แบรนด์ยักษ์ใหญ่ โดยล่าสุด เดนทิสเต้ สามารถเจาะตลาด 25 ประเทศ และมีแนวโน้มเติบโตชัดเจน ทั้งในญี่ปุ่น เกาหลี

ล่าสุด บริษัทได้สร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาขึ้นมา 2 ชุด ได้แก่ ภาพยนตร์โฆษณาของ Dentiste’ Mouth Spray Extra Fresh ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เพราะคนที่คุณรักอาจตายได้ รักเค้า ห่วงเค้า บอกเค้า บอกเค้า!! DENTISTE’ MOUTH SPRAY EXTRA FRESH” เป็นแคมเปญที่อยากส่งเสริมให้ผู้คนกล้าเตือน กล้าบอกผู้อื่นว่ากลิ่นปากไม่ใช่แค่เรื่องกลิ่นปาก หรือปัญหาเพียงเล็กน้อย แต่เป็นสิ่งที่ควรใส่ใจและไม่ปล่อยผ่า

ส่วนภาพยนตร์โฆษณาอีกตัวเป็นการเผยโฉมสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์สมูทอี คือ “Smooth-E Cleansing oil with serum” โดยหยิบยกประเด็นปัญหาผู้หญิงจำนวนมากถูกทำร้ายและ 83% ของผู้หญิงที่ถูกทำร้าย เลือกที่จะปกปิดและไม่บอกใคร ซึ่งแคมเปญทั้งสองชุดเป็นกลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ที่สื่อสารข้อมูลกับกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์

Avatar photo