Economics

‘หงษ์ทองกรุ๊ป’ รัดเข็มขัดแน่น-บริหารหนี้ สู้วิกฤติ ‘โควิด-19’

รถบัสนำเที่ยวกระอัก โควิด-19 หงษ์ทองกรุ๊ป รับรุนแรงสุดในรอบกว่า 30 ปีนับแต่ทำธุรกิจมา เร่งปรับตัวรับมือ ให้พนักงานหมุนเวียนลาหยุดแบบไม่รับเงิน พร้อมทำใจรายได้วูบไม่ต่ำกว่า 30-40%

นายจิระเดช ห้วยหงษ์ทอง กรรมการผู้จัดการ หงษ์ทองกรุ๊ป หนึ่งในผู้ให้บริการเช่ารถบัสนำเที่ยวรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจรถบัสนำเที่ยวอินบาวด์ที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท โดยหดตัวลงถึง 90% ในแหล่งท่องเที่ยวหลัก เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป

จิระเดช ห้วยหงษ์ทอง

สำหรับหงษ์ทองกรุ๊ป ที่ทำธุรกิจมานานกว่า 30 ปี ครั้งนี้ถือว่าเป็นวิกฤติที่รุนแรงที่สุดในอุตสาหกรรมรถท่องเที่ยว เพราะตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาปิดถนน ประท้วง เผา รัฐประหาร พายุ สงครามอ่าวเปอร์เซีย ครั้งนี้หนักที่สุดเพราะมันเป็นทั้งโลก ต่างจากที่ผ่านมาที่เป็นวิกฤติที่เกิดเฉพาะพื้นที่หรือในแต่ละประเทศ

ในส่วนของหงส์ทองกรุ๊ป ปัจจุบันมีลูกค้าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 35-40% ส่วนที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวจากโซนยุโรป ซึ่งถือว่าได้รับผลกระทบมากจากรายได้ที่ลดลงไปถึงเกือบ 40% หรือเหลือประมาณเดือนละไม่ถึง 4 ล้านบาท แต่บริษัทมีรายจ่ายประจำที่ต้องจ่าย เช่น ค่าผ่อนรถ ค่าเงินเดือนพนักงานเดือนละประมาณ 10-20 ล้านบาท ทำให้ยอมรับว่าอยู่ในสถานะที่ลำบาก และต้องหาวิธีบริหารหนี้สิน เช่น ค่ารถ

หงษ์ทอง

สำหรับวิธีการแก้ปัญหาธุรกิจในเบื้องต้นคือ การให้พนักงานลาหยุดเพื่อกลับไปทำธุรกิจหรือสร้างรายได้ที่บ้านส่วนหนึ่งหากมีธุรกิจที่บ้านที่สามารถสร้างรายได้ เช่น ทำนา ทำสวน ขายของ ขายอาหาร เพราะปกติเมื่อถึงฤดูทำการเกษตรก็ต้องลาหยุดอยู่แล้ว โดยจะเป็นการหมุนเวียนกันลาหยุด ส่วนที่เหลือจะอยู่เพื่อบำรุงรักษารถ ซ่อมรถให้อยู่ในมาตรฐาน ซึ่งจากจำนวนรถที่มีอยู่ 280 คัน ปัจจุบันอัตราการใช้งานเหลือเพียง 25% เท่านั้น เป็นการวิ่งรับตลาดยุโรป เกาหลีบางส่วน และรัฐวิสาหกิจ 5-6 คัน

“ตอนนี้มีพนักงาน 180-200 คน กลับภูมิลำเนาประมาณ  60-70 คน เพราะมีธุรกิจที่บ้านอยู่แล้ว เราไม่ได้ให้ออก แต่ให้หยุด ข้อมูลพนักงานยังมีอยู่ ยังจ่ายประกันสังคมให้เหมือนเดิม เป็นการหยุดแบบไม่เอาเงินเดือน”นายจิระเดชกล่าว

นอกจากนี้ ผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังส่งผลให้บริษัทต้องปรับลดเป้าหมายรายได้ในปีนี้ลง โดยจากปกติที่มีรายได้ปีละประมาณ 450 ล้านบาท ปีนี้คาดว่ารายได้จะลดลงไม่ต่ำกว่า 30-40% ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ของโควิด-19 จะเป็นอย่างไรต่อไป หรือจบลงเมื่อไร ถึงเวลานั้นต้องมาพิจารณาเป้าหมายรายได้และแผนธุรกิจอีกครั้ง

Avatar photo