ไม่สะเทือนโควิด! 50 มหาเศรษฐีไทย รวยขึ้นกว่า 5 ล้านล้านบาท

โดย KANYAPORN PHUAKVISUTHI 11 กรกฎาคม 2564

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ในปี 2563 เศรษฐกิจไทย ที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก หดตัวลงถึง 6.1% หนักสุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ ทั้งในปี 2564 ไทยยังเจอกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้นมาอย่างกระทันหัน

แต่การที่รัฐบาลออกมาให้คำมั่นถึงการเปิดภาคการท่องเที่ยว ต้อนรับนักเดินทางต่างชาติ ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว ภายในเดือนตุลาคม โดยเริ่มเปิดนำร่องที่ภูเก็ตไปแล้ว ในเดือนนี้ ก็ช่วยทำให้ความหวัง ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีเพิ่มมากขึ้น

ฟอร์บส์ ระบุใน รายงานการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย ปี 2564 ว่า แรงหนุนจากความหวังดังกล่าว ประกอบกับ ภาคส่งออกที่ขยายตัวมากขึ้น และดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ทะยานขึ้นจากเมื่อ 15 เดือนที่แล้ว ถึง 43% ช่วยหนุนให้ความมั่งคั่งโดยรวม ของ 50 มหาเศรษฐี ที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดของไทย เพิ่มขึ้นมามากกว่า 1 ใน 5 มาอยู่ที่ 160,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 5.2 ล้านล้านบาท

ในการจัดอันดับปีนี้ ฟอร์บ ระบุว่า มหาเศรษฐีที่ติดอยู่ใน 5 อันดับแรกสุด ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้ว และมีทรัพย์สินรวมกันแล้ว เกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด ของมหาเศรษฐีที่เหลืออยู่ ที่ติดการจัดอันดับครั้งนี้

“พี่น้องตระกูลเจียรวนนท์” แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังครองตำแหน่งอันดับ 1 มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 2,900 ล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 30,2000 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย “เฉลิม อยู่วิทยา” เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังระดับโลก อย่างกระทิงแดง ร่วมกับตระกูลของเขา โดยเป็นผู้ที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปีนี้ รวมมูลค่าสุทธิ 24,500 ล้านดอลลาร์

ทางด้าน “สารัชถ์ รัตนาวะดี” มหาเศรษฐีด้านพลังงานของไทย ที่บริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ของเขา เพิ่งยื่นข้อเสนอซื้อหุ้น บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ที่ราคา 17,000 ล้านดอลลาร์ ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น เป็นอีกหนึ่งรายที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ใน 3 ของทรัพย์สินเดิมที่มีอยู่ มาอยู่ที่ 8,900 ล้านดอลลาร์

โดยรวมแล้ว มีมหาเศรษฐี 38 ราย ในการจัดอันดับครั้งล่าสุดนี้ มีความมั่งคั่งเพิ่มมากขึ้น แต่ในจำนวนนี้มีอยู่เพียง 8 รายเท่านั้น ที่มีมูลค่า สินทรัพย์เพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ นำโดย “เสถียร เศรษฐสิทธิ์” และ “ณัชไมย ถนอมบุญเจริญ” ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มคาราบาว ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ด้วยผลกำไรที่มากที่สุดในรอบปี ส่งผลให้ทั้งคู่มีมูลค่าทรัพย์สินส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นรายละมากกว่า 2 เท่า

เช่นเดียวกับ 5 มหาเศรษฐี ในด้านธุรกิจสุขภาพ ที่มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นมา รวมถึง “พงษ์ศักดิ์ วิทยากร” ที่ “สาธิต วิทยากร” บุตรชายของเขา เพิ่งเข้าซื้อหุ้นในโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในวงเงินเกือบ 600 ล้านดอลลาร์

การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีประจำปี 2563 มีหน้าใหม่ติดเข้ามา 3 รายด้วยกัน โดยมาจากอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน ประกอบไปด้วย

สมชาย รัตนภูมิภิญโญ ผู้ก่อตั้งบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) จากธุรกิจอาหาร
สมหวัง และ ไวยวุฒิ สินเจริญกุล คู่พ่อลูกผู้อยู่เบื้องหลัง ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) บริษัทที่ดำเนินธุรกิจยางธรรมชาติครบวงจร รายใหญ่สุดของโลก ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์
อดิศักดิ์ และ นาตยา ตั้งมิตรประชา ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทดูโฮม จำกัด (มหาชน) เชนค้าปลีก ค้าส่ง และให้บริการ ด้านวัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน

นอกจากนี้ ยังพบว่า มีมหาเศรษฐีไทยที่กลับมาติดอยู่ในการจัดอันดับครั้งนี้อีก 3 คนด้วยกัน รวมถึง “บัญชา องค์โฆษิต” จากการที่ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต และจำหน่าย แผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้รับประโยชน์จากภาวะเฟื่องฟูในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

การจัดอันดับครั้งนี้ ยังแสดงให้เห็นว่า มีมหาเศรษฐีอยู่ 6 ราย ที่มีความมั่งคั่งลดลง รวมถึง “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” แห่งคิง เพาเวอร์ ที่ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดี “อัยยวัฒน์” ยังเป็นมหาเศรษฐีที่มีอายุน้อยที่สุด ที่ติดอยู่ในการจัดอันดับครั้งนี้