Business

‘เซเว่น-แม็คโคร-โลตัส’ ขายดี! ดัน ‘CPALL’ กำไรพุ่ง

CPALL กำไรพุ่ง 39.3% เซเว่น-แม็คโคร-โลตัส ขายดี! พร้อมเปิดเป้าหมายปี 2567 เปิดร้านใหม่ทั้งในไทยและต่างประเทศ

เขียวสดใสทุกบรรทัดสำหรับผลประกอบการงวดปี 2566 ของหุ้น CPALL หรือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หลังแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าในรอบปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 921,187 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.0% จากปี 2565 โดยมาจากรายได้ของการขายสินค้าและบริการ ซึ่งเติบโตจากการปรับกลยุทธ์วางขายสินค้า กลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการลูกค้ายิ่งขึ้น สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อีกทั้งยังได้ประโยชน์ตามการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การบริโภคภายในประเทศ ตลอดจนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น

3333

ขายดี  ดัน CPALL กำไรพุ่ง 39.3%

ส่งผลให้รายได้รวมในทุกกลุ่มธุรกิจปรับตัวดีขึ้น ทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคของแม็คโครและโลตัสส์ แบ่งสัดส่วนรายได้ตาม 3 ธุรกิจหลัก ดังนี้

 

1. รายได้จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ สัดส่วน 44%

2. รายได้จากธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค 50%

3. รายได้จากธุรกิจอื่นๆ ในประเทศไทย สัดส่วน 6%

สำหรับกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ระดับ 18,482.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.3% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีกำไร 13,271.71 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เท่ากับ 21.9% ขยับขึ้นมา 10.3% จากปีก่อน และ EBIT Margin อยู่ที่ 4.7% ขยับขึ้นมาถึง 16.5% จากปีก่อน

ขายดีร้านสะดวกซื้อ 

ในส่วนของธุรกิจหลักอย่างร้านสะดวกซื้อ พบว่าในปี 2566 CPALL ขยายสาขา 7-Eleven รวมทั้งสิ้น 707 สาขา ทำให้ ณ สิ้นปี 2566 มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศ 14,545 สาขา ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แบ่งเป็นร้านบริษัท 7,336 สาขา (คิดเป็น 50%) ร้าน SBP: Store Business Partner 6,335 สาขา (คิดเป็น 44%) และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 874 สาขา (คิดเป็น 6%)

บริษัทมียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวันที่ 80,837 บาท คิดเป็นบิลละ 83 บาท และมีลูกค้าเข้าสาขาวันละ 965 คน ซึ่งสถิติที่น่าสนในคือจำนวนผู้ใช้บริการกว่า 75% เข้ามาเพื่อซื้ออาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ CPALL โฟกัส พร้อมขยายสัดส่วนสูงขึ้นในทุกๆ ปี

กำไร Q4/66 CPALL ดีเกินคาด

ความน่าสนใจของผลประกอบการงวดนี้ นอกจากภาพรวมจะออกมาดูดีแล้ว หากเราเจาะลึกลงไปเฉพาะงวดไตรมาส 3 ปี 2566 จะเห็นว่ากำไรสุทธิอยู่ที่ 5,497 ล้านบาท (+30% QoQ และ +75% YoY) ถือว่าสูงกว่าที่บทวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ จากการรวบรวมความเห็นของนักวิเคราะห์ 13 แห่ง ก่อนการประกาศงบ CPALL ประเมินกำไรไตรมาส 4/2566 เฉลี่ยที่ 4,734 ล้านบาท เท่ากับว่างบจริงนั้นดีกว่าคาดถึง 16% เลยทีเดียว นับว่าเป็น Positive Surprise ต่อราคาหุ้น

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น CPALL ในรอบ 1 ปี นั้นยังติดลบอยู่ที่ 8.03% แต่เริ่มมีแนวโน้มดูดีขึ้นจากความเคลื่อนไหวรอบ 1 เดือน ปรับตัวขึ้น 10.10% และรอบ 5 วันทำการเพิ่ม 4.57% (อัปเดตล่าสุด ณ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566)

ขายดี

เป้าหมายปี 2567 ของ CPALL

CPALL ประกาศเป้าหมายธุรกิจในปี 2567 ว่าจะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขา และมีเป้าหมายที่จะเปิดร้านใหม่เพิ่มในประเทศกัมพูชาและลาว ภายใต้งบลงทุนประมาณ 12,000-13,000 ล้านบาท แบ่งเป็น
– การเปิดร้านสาขาใหม่ 3,800-4,000 ล้านบาท
– การปรับปรุงร้านเดิม 2,900-3,500 ล้านบาท
– โครงการใหม่, บริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า 4,000-4,100 ล้านบาท
– สินทรัพย์ถาวร และระบบสารสนเทศ 1,300-1,400 ล้านบาท

ส่วนในแง่เป้าหมายการเติบของรายได้ นั้นจะมาจากทั้งการเติบโตของยอดขายจากร้านสาขาใหม่ และอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยจากร้านเดิม รวมถึงยอดขายจากช่องทางอื่นๆ เช่น 7 Delivery และ All Online ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวของ GDP

นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าขยายอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน เน้นการพัฒนาระบบในการคัดสรรสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น และผลักดันให้มีสัดส่วนของสินค้าที่กำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น ทั้งจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน