Stock - Finance

‘CPALL’ แกร่งเกินต้าน! กำไรครึ่งปี 8.5 พันล้าน 7-Eleven โตดี

“CPALL” แกร่งเกินต้าน! กำไรครึ่งปี 8.5 พันล้าน 7-Eleven เติบโตดี จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 995 คน ถือว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ผู้ให้บริการร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในประเทศไทย ถือเป็นหุ้นบลูชิพขนาดใหญ่ที่รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 2 ของปี 2566 ออกมาโดดเด่น และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

โดยในงวดไตรมาส 2/2566 CPALL มีรายได้รวม 232,002 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 8.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่มีรายได้ที่เติบโตดี ส่งผลให้เกิดการประหยัดต่อขนาด และมีความสามารถในการทำกำไรที่ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ รายได้จากการขายและบริการของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 102,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1% โดยมียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวันเท่ากับ 83,558 บาท ยอดขายเฉลี่ยของร้านสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 7.9% และมียอดซื้อต่อบิลประมาณ 84 บาท

เติบโต

เติบโต “CPALL”

ขณะที่จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 995 คน ถือว่าเป็นจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคในประเทศเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เริ่มทยอยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางบริษัทได้เร่งนำเสนอสินค้าใหม่ๆ พร้อมกับโปรโมชันเพื่อดึงดูดลูกค้า อีกส่วนที่สำคัญในไตรมาสนี้่มาจากรายได้จากการขายสินค้าส่วนเพิ่มผ่านกลยุทธ์ O2O อาทิ 7-Eleven Delivery และ All Online โดยมีสัดส่วนประมาณ 10% ของรายได้จากการขายสินค้ารวม

ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2566 CPALL มีรายได้รวมอยู่ที่ 454,322 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 8,561 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อเป็นหลักตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น

เติบโต

CPALL ลุ้นรีบาวน์ กำไรเซอร์ไพรส์ตลาด

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนจะประกาศงบไตรมาส 2/2566 ราคาหุ้น CPALL ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง คือนับตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม จนถึง 8 สิงหาคม 25666 เป็นการปรับลดลง 5 วันติดต่อกัน โดยเป็นเทขายของนักลงทุนต่างชาติเทขายมากที่สุดกว่า 18,672.4 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 ราคาหุ้น CPALL กลับมาปิดบวกได้ โดยยืนอยู่ที่ระดับ 59.75 บาท คาดว่าตัวเลขผลประกอบการที่ออกมาดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ น่าจะเป็นแรงหนุนสำคัญให้ CPALL สามารถรีบาวน์ได้อีกครั้ง

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น CPALL ตั้งแต่ต้นปี (Year to Date ณ วันที่ 10 สิงหาคม 2566) ปรับตัวลดลง 14.03% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ปรับตัวลดลง 0.42% และผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี -14.34% ขณะที่ Valuation ณ วันที่ 31 มีนาคม P/E อยู่ที่ 38.50 เท่า และ P/BV อยู่ที่ 5.12 เท่า

shutterstock 79462060

เราได้สำรวจคำแนะนำการลงทุนหุ้น CPALL โดยสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA Consensus) พบว่าให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 73.16 บาทต่อหุ้น สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้ราคาเป้าหมายสูงสุด คือ บล. อินโนเวสท์ เอกซ์, บล. กสิกรไทย และ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ที่ราคาเป้าหมาย 78 บาทต่อหุ้น 77.40 บาทต่อหุ้น และ 77 บาทต่อหุ้นตามลำดับ

เหตุผลหลักมาจากการที่ CPALL เป็นธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ ซึ่งธุรกิจจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และจำนวนนักท่องเที่ยว ที่จะดีต่อยอดขาย ช่วยสนับสนุน SSS growth และมาร์จิน ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวังคือการเปลี่ยนแปลงในด้านกําลังซื้อ ต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน