10 เรื่องน่ารู้ในงบการเงิน CPALL หลังผลประกอบการปี 2565 ออกมาอย่างน่าสนใจ รายได้กว่า 852,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 13,272 ล้านบาท
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ผู้ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ 7-Eleven ในประเทศไทย รายงานผลประกอบการประจำปี 2565 ออกมาอย่างน่าสนใจ ด้วยตัวเลขรายได้กว่า 852,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 13,272 ล้านบาท เราจึงได้สรุปสาระสำคัญของงบ CPALL มาฝากกันดังนี้
งบการเงิน CPALL สดใส
1. รายได้ 852,605 โตกว่า 45.1%
ในรอบปี 2565 CPALL มีรายได้รวม 852,605 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.1% จากปี 2564 ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการขายสินค้าและบริการ ซึ่งเติบโตหลังบริษัทปรับกลยุทธ์ด้านสินค้าและบริการ รวมถึงกลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
2. รายได้มาจาก 3 แกนธุรกิจหลัก
รายได้ของ CPALL ก่อนหักรายการระหว่างกัน แบ่งสัดส่วนตาม 3 ธุรกิจหลัก ดังนี้
1. รายได้จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven มีสัดส่วน 42%
2. รายได้จากธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค Makro และ Lotus’s มีสัดส่วน 52%
3. รายได้จากธุรกิจอื่นๆ ในประเทศไทย เช่น ตัวแทนรับชำระค่าสินค้าและบริการ ตัวแทนรับฝาก ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป ธุรกิจจำหน่ายและบริการอุปกรณ์ค้าปลีก คิดเป็นสัดส่วน 6%
3. 7-Eleven ทำรายได้กว่า 354,973 ล้านบาท
ในปี 2565 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการรวม 354,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 22.3% จากยอดขายเฉลี่ยของร้านเดิมที่เพิ่มขึ้น 15.9% โดยมียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวัน เท่ากับ 76,582 บาท และมียอดซื้อต่อบิลโดยประมาณ 84 บาท ในขณะที่จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 916 คน
4. มุ่งขยายสาขาให้ครอบคลุม พร้อมรุกแพลตฟอร์มออนไลน์
บริษัทยังคงขยายสาขาร้าน 7-Eleven ถึง 704 สาขา และเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินค้า ได้แก่ ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) รวมไปถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ 7-delivery, ALL Online และ ShopAt24
5. ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
เนื่องจากการรวมธุรกิจของ Makro และ Lotus’s เข้ามาในงบการเงินเต็มปี โดยในปี 2565 มีมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ก่อนหักรายการระหว่างกัน 9,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% จากปีก่อน ประกอบกับรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นและการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีของกลุ่มธุรกิจ
6. กวาดกำไรสุทธิ 13,272 ล้านบาท
CPALL รักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยกำไรสุทธิ 13,272 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% จากปีก่อน เนื่องจากการดำเนินงานโดยรวมของทุกกลุ่มธุรกิจปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และการ
เติบโตของกำไรในธุรกิจ Makro
7. เตรียมจ่ายปันผล 0.75 บาท
บอร์ดเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 2 พฤษภาคม 2566 และกำหนดวันที่จ่ายปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566
8. วางบลงทุน 12,000 – 13,000 ล้านบาท
CPALL คาดว่าจะใช้งบลงทุนในปี 2566 ประมาณ 12,000 – 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การเปิดร้านสาขาใหม่ 3,800 – 4,000 ล้านบาท การปรับปรุงร้านเดิม 2,900 – 3,500 ล้านบาท โครงการใหม่ บริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า 4,000 – 4,100 ล้านบาท, สินทรัพย์ถาวรและระบบสารสนเทศ 1,300 – 1,400 ล้านบาท
9. ตั้งเป้าขยายสาขา 7-Eleven อีก 700 สาขา
บริษัทวางแผนที่จะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่อีกประมาณ 700 สาขาในปี 2566 ณ สิ้นปี 2565 มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศทั้งสิ้น 13,838 สาขา แบ่งเป็นร้านบริษัท 6,839 สาขา ร้าน Store Business Partner 6,144 สาขา และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 855 สาขา
10. มุ่งสร้างการเติบโตรายได้ พร้อมขยายอัตรากำไร
CPALL ตั้งเป้าหมายในปีนี้ จะสร้างการเติบโตของรายได้ ส่วนใหญ่มาจากอัตราการเติบโตของยอดขายจากร้านสาขาใหม่ และอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยจากร้านเดิม รวมถึงยอดขายจากช่องทางอื่นๆ อาทิ 7-Delivery, All Online และ Vending Machine ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันก็ตั้งเป้าขยายอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเน้นพัฒนาระบบในการคัดสรรสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และผลักดันให้มีสัดส่วนของสินค้าที่กำไรขั้นต้นสูง ทั้งสินค้ากลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- วิเคราะห์หุ้นค้าปลีก ‘CPALL-MAKRO’เด่น!
- ‘CPALL’ กำไร 9 เดือน ทะลุหมื่นล้าน โบรกฯ แนะนำ ‘ซื้อ’
- ชู ‘5 เหตุผล’ ราคาหุ้น CPALL น่าสนใจเข้าลงทุน