ไปรษณีย์ไทย ผนึกความร่วมมือ บขส. ชูแนวคิด “Sharing Economy” ร่วมใช้เครือข่ายยานพาหนะ เส้นทางเดินรถบริการขนส่ง “ฮับทูฮับ” รับ-ส่งพัสดุภัณฑ์ ช่วยกระจายสินค้า เพิ่มความสะดวกในการขนส่ง
นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กระทรวงคมนาคม และ ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) ร่วมลงนามในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ บริษัท ขนส่ง จำกัด
นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. เปิดเผยว่า ตามที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2502 เรื่องการเดินรถขนส่งต่างจังหวัด จากเดิมให้ บขส. รับภาระเฉพาะเดินรถโดยสาร เป็นให้มีภารกิจด้านการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
พร้อมกันนั้น ได้ให้ บขส. พิจารณาแนวทางการดำเนินธุรกิจ ร่วมกับ ไปรษณีย์ไทย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล สำหรับเป็นทางเลือกในการให้บริการประชาชน
บขส. และ ไปรษณีย์ไทย จึงได้ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการพัฒนาธุรกิจรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์ เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและเครือข่ายของทั้งสองหน่วยงานที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ บขส. ได้พัฒนาบริการรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ ปัจจุบัน บขส. มีศูนย์รับส่งพัสดุภัณฑ์หลักอยู่ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) และมีสาขา รับ -ส่ง พัสดุภัณฑ์ รวมถึงตัวแทน รับ-ส่ง พัสดุภัณฑ์ กระจายอยู่ทั่วประเทศ รวม 175 แห่ง
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ทางไปรษณีย์ไทย จะเข้ามาช่วยสนับสนุน บขส. ในการขนส่งสินค้าจากสถานีต้นทาง และสถานีปลายทาง และในอนาคตจะมีการขยายความร่วมมือ ในการให้บริการขนส่งสินค้าไปยังผู้รับสินค้าต่อไป
ด้าน ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท. เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์ไทย และ บขส. จะเริ่มต้นในช่วงเดือนเมษายนนี้ โดยไปรษณีย์ไทย จะเป็นผู้นำยานพาหนะเข้าไปรับสิ่งของในสถานีขนส่งผู้โดยสารของ บขส. ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนาพื้นที่บางส่วนให้เป็นศูนย์รับฝากพัสดุภัณฑ์
จากนั้น จะนำสิ่งของไปยังศูนย์กระจายสินค้าในภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับทั้งสองฝ่ายได้โดยเฉพาะจากกลุ่มเป้าหมายหลัก อย่างผู้ประกอบการรายย่อย ที่ค้าขายทั้งในช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์ และแต่ละรายมีคู่ค้า ที่กระจายอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ
นอกจากนี้ ยังจะทำให้สินค้าถูกนำจ่ายได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยลดความกังวลของสินค้าที่ค้างตามศูนย์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย โดยความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานตามแนวคิด Sharing Economy ซึ่งทั้งไปรษณีย์ไทย และ บขส. นับเป็นผู้ที่มีความชำนาญด้านเส้นทาง มีเครือข่ายและยานพาหนะที่สามารถรองรับการขนส่งได้ทั่วประเทศ
ส่วนรูปแบบของการดำเนินงาน จะเป็นการส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ จากศูนย์กระจายสินค้าหนึ่ง ไปยังศูนย์กระจายสินค้าอีกแห่งหนึ่ง หรือ ฮับทูฮับ (Hub to Hub) และการส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์จากศูนย์กระจายสินค้าหนึ่งส่งมอบให้กับผู้รับปลายทาง หรือ Hub to Door
ทั้งนี้ ในปี 2566 จะเริ่มต้นด้วย Hub to Hub ซึ่งเป็นการนำพัสดุภัณฑ์ที่ฝากส่งกับ บขส. มาส่งผ่านรถยนต์ขนส่งของไปรษณีย์ไทยไปยังศูนย์กระจายสินค้าต่าง ๆ ในภาพรวม คาดว่าจะมีปริมาณงานขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 350 ชิ้น/เที่ยว (ไป-กลับ) หรือ 10,500 ชิ้น/ เดือน สำหรับรถขนส่งของ บขส. 1 คัน ตอบโจทย์กลุ่มสินค้าประเภทเกษตรกรรม อาหาร สิ่งของขนาดพิเศษ อีคอมเมิร์ซ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กทม. ถกไปรษณีย์ไทย ส่งไปรษณีย์ลงทะเบียนเอกสารเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
- บขส. ลั่นพร้อมรบ ธุรกิจรับ-ส่งพัสดุ หลังครม.ไฟเขียวขนส่งได้ทั้งคนและสิ่งของ
- ครม.ไฟเขียวให้ บขส. ลงสนาม ‘ขนส่งสินค้า’ ช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดขนส่งที่กำลังเติบโต