รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติร่างกฎหมาย ที่จะเปิดทางให้มีการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับสหภาพยุโรป (อียู) ตั้งเป้าบังคับใช้ 1 กุมภาพันธ์ปีหน้า
ข้อตกลงฉบับดังกล่าว จะสร้างกลุ่มการค้าที่มีคิดเป็นสัดส่วนราว 30% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และเกือบ 40% ของมูลค่าการค้าโลก
กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ระบุด้วยว่า มูลค่าจีดีพีของญี่ปุ่น และอียูโดยรวม จะเกือบเท่ากับมูลค่าของกลุ่มการค้าที่ก่อตั้งขึ้นระหว่างสหรัฐ แคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งจะทำให้เอฟทีเอญี่ปุ่น-อียู เป็นหนึ่งในข้อตกลงทำนองเดียวกันนี้ที่มีขนาดใหญ่สุดของโลก
ภายใต้ข้อตกลงที่ทำไว้ ญี่ปุ่น และอียู จะกำจัดภาษีนำเข้า 94% และ 99% ตามลำดับ ในสินค้าด้านต่างๆ อย่าง ผลิตภัณฑ์เกษตรกรรม อาหารทะเล และอุตสาหกรรม ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นคาดว่า การเป็นพันธมิตรด้านเศรษฐกิจนี้ จะทำให้ตัวเลขจีดีพีที่แท้จริงของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นราว 5 ล้านล้านเยน และสร้างงาน 290,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ อียูยังจะลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่น จากระดับ 10% ในปัจจุบันให้เหลือ 0% ภายใน 8 ปี ยกเลิกการจัดเก็บภาษีชิ้นส่วนรถยนต์จากญี่ปุ่นในอัตรา 92% และยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 80% ต่อสินค้าเกษตร ป่าไม้ และประมงจากญี่ปุ่น
ส่วนญี่ปุ่นจะยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าไวน์ พร้อมกำหนดเพดานภาษีนำเข้าสำหรับซอฟต์ชีส ที่จะค่อยๆ ลดลง จนยกเลิกไปภายใน 16 ปี
ในวันเดียวกันนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังเดินหน้าพิจารณาร่างกฎหมายที่จะช่วยกระตุ้นการส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตร และปรับปรุงผลผลิตของภาคอุตสาหกรรมนี้
