อิตาลี กลายเป็นชาติสมาชิกรายแรกของอียู ที่ใช้สิทธิในการสกัดกั้นการส่งออก ตามข้อบังคับใหม่ ที่เปิดทางให้สามารถห้ามส่งออกได้ หากบริษัทผู้จัดหาวัคซีน ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงกับอียู
สำนักข่าวเอเอ็นเอสเอ (ANSA) ของอิตาลี รายงานว่า อิตาลีเป็นประเทศแรก ในกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ทั้งหมด 27 ประเทศ ที่สกัดกั้นการส่งออกวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) สู่นอกพรมแดนสหภาพยุโรป
“ทางการอิตาลีแจ้งต่อคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) เกี่ยวกับการตัดสินใจปิดกั้นการส่งออกวัคซีนจำนวน 250,000 โดส ไปยังออสเตรเลีย” รายงานข่าวระบุ พร้อมเสริมว่า กฎระเบียบใหม่ของอียู กำหนดให้บริษัทต่าง ๆ ต้องได้รับอนุญาตการส่งออกผลิตภัณฑ์บางประเภท โดยประเทศสมาชิกอียู สามารถปฏิเสธการส่งออกได้
รายงานเสริมว่าคณะกรรมาธิการยุโรปมีคำตัดสินสุดท้าย และเห็นด้วยกับจุดยืนของอิตาลี โดยวัคซีนที่ถูกห้ามส่งออกนั้น ผลิตขึ้นที่โรงงานของแอสตราเซเนกา ในอิตาลี
ขณะที่ออสเตรเลีย ระบุว่า การไม่ได้รับวัคซีนโควิดล็อตดังกล่าว ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการฉีดวัคซีนของประเทศมากเท่าใดนัก แต่ก็ได้เรียกร้องไปยังอีซี ให้ทบทวนการตัดสินใจนี้
คำสั่งห้ามดังกล่าว ยังเกิดขึ้นหลังจากที่แอสตราเซเนกา เพิ่งจัดส่งวัคซีนให้กับชาติสมาชิกอียู ได้เพียง 40% ของข้อตกลงที่ทำไว้สำหรับการจัดส่งในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ โดยให้เหตุผลถึงปัญหาในการผลิต ที่ทำให้ไม่สามารถจัดส่งวัคซีนได้ตามกำหนด
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายจูเซปเป คอนเต นายกรัฐมนตรีอิตาลีในขณะนั้น กล่าวถึงความล่าช้าในการจัดส่งวัคซีนโควิดทั้งจากแอสตราเซเนกา และไฟเซอร์ ว่า เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ พร้อมกล่าวหาทั้ง 2 บริษัทว่า ทำผิดสัญญา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ผลศึกษาฉบับใหม่พบ ‘โควิด-19’ วิวัฒนาการตามธรรมชาติ ระบาดกว้างกว่าที่คิด
- ผงะ! โควิด-19 กลายพันธุ์ใน ‘บราซิล’ แพร่เชื้อง่ายสองเท่า-ติดเชื้อซ้ำได้
- โควิดวันนี้ 4 มี.ค. ทั่วโลกติดเชื้อ 115.74 ล้าน ‘อียู’ เล็งเพิ่มผลิตวัคซีน ตั้งเป้าเกิน 2 พันล้านโดส/ปี