Politics

‘หมอธีระ’ ลั่นหากยังไม่มี ‘วันซีนโควิด’ ที่ดี ศึกสงครามนี้ไม่มีทางสิ้นสุด!

หมอธีระ เผยยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกวันนี้อยู่ที่ 90,586,814 คน ขณะที่ยอดเสียชีวิตอยู่ที่ 1,941,269 คน ชี้ยังไม่มียารักษาที่ดี ยังไม่มีวัคซีนป้องกันที่ดี ศึกสงครามนี้ไม่มีทางสิ้นสุด!

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat รายงาน ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกวันนี้ โดยระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลก 11 มกราคม 2564… เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 595,809 คน รวมแล้วตอนนี้ 90,586,814 คน ตายเพิ่มอีก 8,610 คน ยอดตายรวม 1,941,269 คน

  • อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 210,450 คน รวม 22,865,349 คน ตายเพิ่มอีก 1,832 คน ยอดตายรวม 382,727 คน
  • อินเดีย ติดเพิ่ม 16,092 คน รวม 10,467,431 คน
  • บราซิล สถานการณ์ระบาดรุนแรงขึ้นมาก ติดเพิ่มถึง 29,792 คน รวม 8,105,790 คน
  • รัสเซีย ติดเพิ่ม 22,851 คน รวม 3,401,954 คน
  • สหราชอาณาจักร ติดเพิ่มอีกถึง 54,940 คน รวม 3,072,349 คน ติดเชื้อต่อวันเกินห้าหมื่นมาอย่างต่อเนื่องถึง 13 วันแล้ว
  • อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักหมื่นต่อวัน
  • ฝั่งอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น
  • แถบสแกนดิเนเวีย รอบทะเลบอลติก และแถบยูเรเชีย ก็ยังมีติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
  • เมียนมาร์ เกาหลีใต้ และไทย ติดเพิ่มหลายร้อย ส่วนจีน ฮ่องกง นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่เวียดนาม และกัมพูชามีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
  • …สถานการณ์ในเมียนมาร์ เมื่อวานติดเพิ่มขึ้นอีก 555 คน ตายเพิ่มอีก 20 คน ตอนนี้ยอดรวม 130,604 คน ตายไป 2,846 คน อัตราตายตอนนี้ 2.2%…

หมอธีระ

มองดูสถานการณ์ของไทยเรา…

หากมองเป็นกองทัพ ประเทศไทยเรามี 76 จังหวัด บวกกรุงเทพมหานคร ก็เป็น 77 กองทัพ

ศึกแรกเรารวมเป็นหนึ่งเดียวแล้วสู้จนชนะ บางคนใช้วาทกรรมหรู ๆ ว่า เราชนะศึกแต่ไม่ชนะสงคราม เพราะเจอปัญหาเศรษฐกิจรุนแรงตามมา คนอ่านคนฟังก็อาจคล้อยตาม โดยหารู้ไม่ว่า เศรษฐกิจมันดิ่งเหวกันทั้งโลก เพราะทุกประเทศล้วนสะบักสะบอมจากโรคระบาดที่มีทางเลือกในการรักษาจำกัด และตอนนั้นก็ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ระบบเศรษฐกิจโลกที่หมุนไปได้ด้วยการไปมาหาสู่กันตลอดเวลานั้นจึงพังพาบ เพราะไวรัสมันโจมตีจุดอ่อนนี้ของมนุษย์

ตราบใดที่ระบบเศรษฐกิจ การทำมาหากิน ไม่ว่าจะเป็นค้าขายสินค้า บริการ ท่องเที่ยว หรืออื่น ๆ ยังต้องมาเจอกันต่อหน้า ใกล้ชิด ติดต่อกัน ประชุมหารือ หรือทำกันอย่างเบียดเสียดแออัดยัดเยียด ก็ย่อมทำให้เกิดการแพร่ระบาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เจ็บป่วย และตายกันเป็นใบไม้ร่วง

“สัจธรรม คือ ถ้ายังไม่มียารักษาที่ดี และมีใช้อย่างเพียงพอทั่วถึง รวมถึงยังไม่มีวัคซีนป้องกันที่ดี และมีใช้กันอย่างครอบคลุมในวงกว้างมากพอ ศึกสงครามนี้ไม่มีทางสิ้นสุด” หมอธีระ ระบุ

วาทกรรมข้างต้นเรื่องชนะศึกแต่พ่ายสงครามนั้นจึงเป็นวาทกรรมลวงโลก ที่ไม่ยืนบนพื้นฐานของความจริง สักแต่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเลือกเดินไปในทางที่ผิด

หากดูการระบาดของทั่วโลก เราจะเห็นประเทศต่าง ๆ หลายประเทศพยายามเช่นกัน ที่จะให้ทำมาหากินกันเสรีหรือใกล้เคียงเสรี หวังว่า ประชาชนของตนจะมีสติ และปฏิบัติตัวป้องกันการติดเชื้อได้โดยดำเนินชีวิตไปแบบอดีต ทั้ง ๆ ที่โรคระบาดกำลังแพร่อยู่ในประเทศ ปลอบประโลมว่า เราจะคุมโรคได้โดยไม่หยุดเศรษฐกิจ รวมทั้งยังคิดว่า ปล่อยให้ติดเชื้อกันไปเยอะๆ ก็ดี จะได้มีภูมิคุ้มกันหมู่ หรือ herd immunity พอเยอะมากพอ โรคก็จะหยุดระบาดเอง

ประเทศต่าง ๆ ข้างต้น ไม่มีที่ใดเลยที่จะรอดจากการระบาดรุนแรง… รุนแรงจนกระทั่งระบบสุขภาพรับไม่ไหว หรือคนติดเชื้อเจ็บป่วยจำนวนมาก ตายกันเป็นใบไม้ร่วงกราว และสุดท้ายต้องตัดสินใจปิดบ้านปิดเมือง ยาวนานกว่าที่คาดคิด หนักกว่าประเทศที่ดำเนินมาตรการเคร่งครัดอย่างทันทีทันเวลา

ไทยเรา…โดนตะล่อมให้รู้สึกหวาดกลัวกับคำว่า “ล็อคดาวน์” 

ไทยเรา…โดนกล่อมให้เห็นภาพล็อคดาวน์เหมือนกับกำลังจะนำเอาคอไปจับพาดกับกิโยตินเพื่อลงโทษประหารชีวิต

ไทยเรา…จึงกำลังเลือกเดินไปในทางที่ประเทศอื่นเคยย่างไปสู่หุบเหวมาก่อน แยกทัพแตกขบวนกันไปสู้กันเอา และเสี่ยงต่อการเผชิญการระบาดรุนแรงหากคุมไม่อยู่ และจะทำให้เกิดการระบาดประจำถื่นอันยาวนานไปเรื่อยๆ แบบประเทศต่าง ๆ เหล่านั้น สมกับคำปรารภที่มีการเคยกล่าวมาเมื่อหลายเดือนก่อนคือ

โควิดเป็นโรคประจำถิ่น…
การติดเชื้อเป็นเรื่องปกติ…
ยึดติดศูนย์ไม่ได้…

คำปรารภนั้นกำลังจะกลายเป็นจริง หากเราไม่ร่วมแรงร่วมใจสู้อย่างเต็มที่ และหากสุดท้ายกลายเป็นดังที่กลุ่มคนเหล่านั้นหวังไว้ ผลกระทบต่อทั้งการดำรงชีวิตของประชาชน และเศรษฐกิจจะมากเกินกว่าที่คิด ยากที่จะเยียวยา

ทั้งนี้ หารู้ไม่ว่า ล็อคดาวน์นั้นมันไม่มีสาระอะไรนอกไปจาก “การดำเนินการตัดความเสี่ยงของการติดเชื้อและแพร่เชื้อโควิด-19 ในสังคม” เท่านั้น

โรคมันเกิดจากการติดต่อกัน พบกัน…ดังนั้นหลักการ คือ โรคติดต่อแบบนี้จะไม่ติดต่อหากเราไม่ติดต่อกัน…ก็แค่นั้น

2-4 สัปดาห์ที่จะหยุดการเดินทางระหว่างกัน และการพบกันเจอกันกับผู้อื่นในสังคมโดยไม่จำเป็น คือช่วงเวลาที่จะทำให้หยุดการแพร่กระจายของโรคได้ โดยทำควบคู่ไปกับการเร่งตรวจหาคนที่ติดเชื้ออยู่จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว จะมีอาการหรือไม่มีอาการ ทั้งในกลุ่มเสี่ยง กลุ่มคนทั่วไป รวมถึงสถานที่หรือกิจการที่เสี่ยง และพื้นที่ที่เสี่ยง เพราะมีการรายงานพบเคสที่ติดเชื้อ ร่วมกับการรณรงค์ป้องกันตัวเองเต็มที่อย่างการใส่หน้ากาก 100% และทำงานที่บ้าน

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่านโยบายจะออกมาในรูปแบบใด จะช้าจะเร็ว จะทันเวลาหรือไม่ ต้องยอมรับว่านี่เป็นโรคระบาดใกล้ตัวทุกคน เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของเรา ของลูกหลาน ของญาติสนิทมิตรสหาย ประชาชนอย่างเรา ๆ จำเป็นต้องตระหนักว่า ในชีวิตจริงเช่นนี้ อาจไม่สามารถพึ่งใครได้นอกจากตัวเราเอง 

ขอให้รักตัวเอง เอาตัวเองให้รอด ป้องกันตัวเองและครอบครัวอย่างเต็มที่ อย่าให้ติดเชื้อ เพราะยิ่งคนติดเชื้อมาก การดูแลจะไม่เพียงพอทั่วถึง โอกาสตายจะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

#ใส่หน้ากากเสมอ
#ทํางานที่บ้าน
#อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ
#ออกจากบ้านเมื่อจำเป็นเท่านั้น
#คอยสังเกตอาการตนเองหากไม่สบายให้รีบไปตรวจ

ด้วยรักต่อทุกคน
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK