บริษัทผู้พัฒนาวัคซีนของออสเตรเลียเผยว่า ทางการออสเตรเลียตัดสินใจหยุดโครงการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศแล้ว เนื่องจากทำให้กลุ่มอาสาสมัคร มีผลตรวจเอชไอวีเป็นบวกปลอม
ซีเอสแอล บริษัทผู้ผลิตวัคซีนสัญชาติออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้พัฒนาวัคซีนดังกล่าว ร่วมกับมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์แถลงว่า แม้ผลการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 ในอาสาสมัคร 216 คนไม่มีผลอันตรายร้ายแรง แต่แอนติบอดี้ที่ร่างกายสร้างขึ้นมาทำให้กลุ่มอาสาสมัครบางคน มีผลตรวจเอชไอวีเป็นบวกปลอม
ซีเอสแอลจึงตัดสินใจร่วมกับรัฐบาลออสเตรเลียว่า จะหยุดการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 และ 3
ขณะที่นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียระบุว่า วัคซีนดังกล่าวไม่สามารถเดินหน้าพัฒนาต่อไปได้ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ และจะไม่ถูกรวมไว้ในแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของออสเตรเลียอีกต่อไป
ซีเอสแอลจะเปลี่ยนมาทำหน้าที่ผลิตวัคซีนที่พัฒนาโดยแอสตราเซเนกา บริษัทยาของอังกฤษจำนวน 20 ล้านโดส เพิ่มเติมจากที่รัฐบาลออสเตรเลียได้สั่งซื้อไว้แล้ว 30 ล้านโดส
นอกจากนี้ รัฐบาลยังสั่งซื้อวัคซีนของโนวาแวกซ์ และไฟเซอร์ บริษัทผู้ผลิตยาของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้มีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งหมด 140 ล้านโดสสำหรับประชากรออสเตรเลีย 25 ล้านคน และเป็นประเทศที่ซื้อวัคซีน ในอัตราส่วนต่อประชากรที่สูงที่สุดประเทศหนึ่งของโลก
ทั้งนี้ ทางการออสเตรเลียวางแผนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ชาวออสเตรเลียในเดือนมีนาคมปีหน้า
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อึ้ง!! เปิดผลวิจัยพบ ‘โควิด’ อยู่ในตัวเด็กอิตาลี ตั้งแต่ปี 2019
- ‘ญี่ปุ่น’ แนะประชาชน ‘อยู่เงียบๆ’ ช่วงสิ้นปี สกัด ‘โควิด’ ระบาดหนัก
- ‘โจ ไบเดน-คามาลา แฮร์ริส’ ผงาด ‘บุคคลแห่งปี 2020’ นิตยสารไทม์