ธปท.ปรับเกณฑ์กำหนดคุณสมบัติตราสารทางการเงิน ที่นับเป็นทุนสำรอง หนุนระดับกองทุนเพิ่มขึ้น หวังรองรับความไม่แน่นอนและสร้างความมั่นใจนักลงทุน
นางนวอร เดชสุวรรณ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าธปท. ได้ปรับเกณฑ์คุณสมบัติตราสารทางการเงินที่นับเป็นเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ เพื่อเสริมสร้างระดับเงินกองทุนให้สูงขึ้นในการรองรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ถึงแม้ว่าระดับเงินกองทุนของระบบธนาคารพาณิชย์ยังอยู่ในระดับสูง โดย ณ กันยายน 2563 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) เฉลี่ยของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยอยู่ที่ 19.43%
ประโยชน์ของการปรับหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับผลตอบแทน ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ไทยสามารถระดมทุนได้ง่ายขึ้น และทำให้ระดับเงินกองทุนและสภาพคล่องสูงขึ้น ช่วยเอื้อต่อการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจและประชาชน พร้อมเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป
หลักเกณฑ์คุณสมบัติที่ปรับใหม่ให้กลับมาเทียบเท่ากับหลักเกณฑ์สากล ดังนี้
1) ตราสารทางการเงินที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 หรือ Additional Tier 1 (AT1) ซึ่งเป็นตราสารทางการเงินที่ไม่มีกำหนดเวลาการชำระคืน ธปท. ให้ธนาคารพาณิชย์สามารถจ่ายผลตอบแทนได้โดยไม่ต้องขออนุญาตหากระดับเงินกองทุน (BIS Ratio) ของธนาคารพาณิชย์สูงกว่าที่ ธปท. กำหนด
2) ตราสารทางการเงินที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 หรือ Tier 2 (T2) ซึ่งเป็นตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีกำหนดเวลาการชำระคืนอย่างน้อย 5 ปี ธปท. ยกเลิกข้อกำหนดสิทธิให้ธนาคารพาณิชย์เลื่อนเวลาการชำระดอกเบี้ยได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม :
- ‘ธนาคารพาณิชย์’ แห่ตั้งสำรองรับวิกฤติหนี้เสีย หลังตัวเลข NPL พุ่งแตะ 3.14%
- ผู้ถือหุ้นเฮ! ธปท.เปิดทางแบงก์พาณิชย์จ่ายปันผลปี’63 ไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิ
- เปิดกำไรกลุ่ม ‘ธนาคารพาณิชย์’ ไตรมาส 3/63 ดิ่งแรงเฉียด 45%